บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ : กับเรื่องธรรมดาที่ลงท้ายด้วยความรัก

24/10/2019 ts911hklen 283 views

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับสมญานามนั้น และก็เหตุผลเรื่องฝีเท้าเป็นเพียงแต่ส่วนใดส่วนหนึ่งแค่นั้น ที่แฟนบอลเรียกเขาว่า "Fußballgott" มาจากเรื่องที่หาไม่ได้อย่างไม่ยากเย็นในนักฟุตบอลระดับนานาชาติคนจำนวนไม่น้อย โน่นเป็นทัศนคติที่เหลือเชื่อ

ไม่ว่าจะเสื่อมถอยหรือพบเหตุการณ์ชั่วร้ายเพียงใด ในที่สุด บาสตี้ จะมีผลให้เรื่องพวกนั้นลงเอยด้วยความรักได้อย่างน่าแปลก และก็ท้ายที่สุดถึงแม้ว่าจะคุณจะรักหรือชิงชังกลุ่มที่เขาค้าหน้าแข้งให้ คุณก็จะชิงชังนักฟุตบอลคนนี้ไม่ลงอยู่ดี ถึงแม้ว่าจะ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ยังพ่ายให้กับเขา

รักแเรกของ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ในโลกบอลแน่ๆว่าควรจะเป็น บาเยิร์น มิวนิค กลุ่มที่เขาเติบโตมาตั้งแต่ระบบเยาวชน รวมทั้งแปลงเป็นผู้เล่นที่ยกถ้วยแชมป์มากมายก่ายกองตลอดเวลา 14 ปีที่ค้าลำแข้งอยู่

ใครอีกหลายๆคนไม่ทราบว่าเขาเคยเป็นเด็กที่มีความสามารถทางสกีสูงมากมาย จนถึงถึงวันที่จำเป็นต้องเลือกว่าตนเองจะเล่นกีฬาประเภทไหนดีระหว่าง สกี รวมทั้ง บอล ที่เล่นมาตั้งแต่ 3 ขวบ ซึ่งแน่ๆในที่สุดเขาเลือกบอลแล้วก็ปรับปรุงตนเองจนได้เล่นให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ชุดเยาวชนตั้งแต่ปี 1998 ก่อนที่จะขึ้นชุดใหญ่ในปี 2002 ด้วยการช่วยสนับสนุนของ อ็อตมาร์ ได้รับความนิยมซ์เฟลด์ ตั้งแต่เขาอายุ 18 ปี

ได้รับความนิยมซ์เฟลด์ เล่าว่าช่วงนั้น บาเยิร์น กำลังอยากได้กำลังเสริมในดินแดนกึ่งกลาง ด้วยเหตุว่านักฟุตบอลหลายท่านในตำแหน่งขอบเส้นกำลังอยู่ในตอนขาลงแล้วทั้งยัง เมห์เม็ต โชล, เซ โรกางร์โต้, ฮาซาน ซาลิฮามิดสิช ซึ่งส่วนมากแก่กว่า ชไวน์สไตเกอร์ ถึง 10 ปีทั้งหมดทั้งปวง ในช่วงเวลาที่ เซบาสเตียน ไดส์เลอร์ ที่เป็นอัจฉริยะบอลก็เจ็บจนกระทั่งเกือบจะมิได้มีส่วนร่วมกับกลุ่มในปีนั้นเลย

ชไวนี่ ถูกได้รับความนิยมซ์เฟลด์เรียกเขามาฝึกกับกลุ่มชุดใหญ่ได้แค่เพียง 2 มื้อแค่นั้น ได้รับความนิยมซ์เฟลด์ ไม่ลังเลและก็ตกลงใจส่งเขาลงในสนามครั้งแรกในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกกับ ล็องส์ ในพ.ย. ปี 2002 โดยทันที ในตำแหน่งปีกขวา ว่ากันว่าในขณะนั้นแววเรื่องทัศนคติสำหรับการเล่นรวมทั้งการใช้ชีวิตของ ชไวนี่ ถูก ได้รับความนิยมซ์เฟลด์ รับรองว่าอีกไม่นานเด็กคนนี้จะมีชื่อเสียงไม่ใช่แค่ในเยอรมัน แม้กระนั้นจะไปไกลถึงสุดยอด

4 ประตูและก็ 5 แอสซิสต์ สำหรับนักฟุตบอลตำแหน่งปีกที่อายุ 18 ปี ดูเหมือนเป็นอะไรที่สุดยอดมากมายกับปีแรกในกลุ่มชุดใหญ่ เขาความก้าวหน้าเล่นของตนเองขึ้นทุกปีจวบจนกระทั่งมาถึงบอลโลก 2006 ที่ เยอรมัน เป็นเจ้าภาพ ความสามารถการเลี้ยงตัดเข้าในแล้วก็ยิงไกลเป็นจุดขายที่ทำให้ เยอรมัน สมัยสร้างเลือดใหม่คว้าชั้น 3 ในบอลโลกคราวนั้น แม้ว่าจะมิได้เป็นแชมป์แต่ว่ามันเป็นรายการที่ทำให้มีอาการชาวเยอรมันแลเห็นอนาคตของกลุ่มชุดนี้ภายใต้ลำแข้งที่จะพร้อมอยู่กับกลุ่มไปอีก 10 ปีอีกทั้ง ฟิลิปป์ ลาห์ม, ลูคัส โพดอลสกี้ รวมทั้ง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

แม้ว่าจะเริ่มดังและก็เป็นความหวังของชาติ แม้กระนั้นวิถีชีวิตของเขาเรียบง่ายและก็หายใจเป็นบอลเสมอ เวลาว่างของเขาหมดไปกับการไปนั่งพักผ่อนที่สวนสาธารณะในเมืองมิวนิครวมทั้งท่องเที่ยวธรรมชาติ เขาเกลียดความอื้ออึงอะไรมากมายก่ายกองนัก ขอเพียงแค่เครื่องดื่มอย่าง "ราดเลอร์" (เบียร์สดผสมน้ำอัดลม) แล้วก็การนั่งดูอะไรไปเรื่อยๆก็พอแล้ว เวลาที่ประเด็นการดูแลตนเองนั้น ชไวน์สไตเกอร์ ดูแลตนเองไม่แพ้กับผู้ที่โลกสรรเสริญอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เลย เขาถูกใจบริหารร่างกายเพิ่มกล้ามแบบเดียวกันนอกจากนั้นยังให้ความเอาใจใส่กับมื้อของกินแต่ละมื้อมากมายๆสลัดกับอกไก่งวง เป็นจานโปรดที่เขารับประทานเสมอ รวมทั้งรับประทานอาหารจำพวกแป้งน้อยมาก

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

ทัศนตำหนิแล้วก็การดูแลตนเองตามที่กล่าวมาเป็นสารขึ้นต้นที่ถูกชายชาวฮอลล์แลนด์ผู้มากมายปรัชญาอย่าง หฝ่าส์ ฟาน กัล ผสมทุกสิ่งจากภาพวาดในหัวของเขาใหม่ ฟาน กัล เห็นภาพว่านักเตะอย่าง ชไวน์สไตเกอร์เกอร์ ควรจำเป็นต้องลงเล่นในตำแหน่งตัวรับมากยิ่งกว่า ไม่อัจฉริยะจริงเป็นไปไม่ได้คิดอย่างนี้ได้ เนื่องจาก ณ เวลานั้น ชไวน์สไตเกอร์ นับว่าเป็นปีกที่เก่งที่สุดในประเทศเยอรมันแล้ว แม้กระนั้นสำหรับ ฟาน กัล แล้วโน่นไม่มีความจำเป็นแม้แต่น้อย

ถ้าเกิดจะถามคำถามว่า ฟาน กัล มองเห็นอะไร? คำตอบเป็นเขามองเห็นมากยิ่งกว่าเพียงแค่ประตูรวมทั้งแอสซิสต์หรือฟอร์มการเล่นที่เร่าร้อน เขามองดูเข้าไปถึงนิสัยใจคอ รวมทั้งสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ผ่านการสัมผัสแล้วก็ผ่านบอลแต่ละครั้ง ซึ่งภาพของ ชไวน์สไตเกอร์ ในหัวของฟาน กัล เป็น นักฟุตบอลคนนี้เป็น "บอส" ของกลุ่ม แล้วก็จะเป็นผู้ที่ทำให้กลุ่มเล่นอย่างมีจังหวะจะโคนมากกว่าเก่า ซึ่งจะได้ประโยชน์มากยิ่งกว่าการเอาไปเลี้ยงรวมทั้งยิงที่ขอบเส้นราวกับที่ที่ปรึกษาผู้ที่ผ่านๆมาเคยทำ และก็ ฟาน กัล คิดว่าเสียของอย่างใหญ่โตแม้ทำอย่างงั้น เนื่องจากสิ่งที่เขามองเห็นเป็น ชไวน์สไตเกอร์ มีเปอร์เซนต์เลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้น้อยมาก

ด้วยเหตุนี้ บาเยิร์น มิวนิค ในสมัยของเขาต้องมี ชไวน์สไตเกอร์ เป็นหัวใจในดินแดนกึ่งกลางเพียงแค่นั้น ระหว่างที่ตำแหน่งเดิมของ ชไวนี่ ในด้านขอบเส้นนั้น ฟาน กัล ยอมโต้แย้งกับกระดานของสมาคมเพื่อไปซื้อตัว อาร์เยน ร็อบเบน ปีกจอมเจ็บจาก เรอัล มาดริด มาชดเชย ซึ่งคุณก็รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วมันเวิร์กเพียงใด

มีเรื่องมีราวที่ทำให้ท่านเพียงพอจะมองเห็นความแตกต่างในเรื่องของทัศนคติของ ชไวน์สไตเกอร์ อยู่บ้าง ด้วยเหตุว่าในตอนที่ ฟาน กัล เข้ามารื้อถอนกลุ่มนั้น บาสตี้ เป็นผู้ที่นับถือการตัดสินใจของผู้ฝึกสอนเป็นอันมาก บอกให้แปรไปเล่นมิดฟิลด์เขาก็พร้อมที่จะลงไปเล่น ซึ่งต่างกับ ดาวิด อลาบา มิดฟิลด์จากกลุ่มเยาวชนที่ ฟาน กัล กล่าวว่าจำเป็นจะต้องถอยลงมาเล่นแบ็คซ้ายในปีนั้น โดย อลาบา ไม่สบอารมณ์กับการย้ายตำแหน่งมากแค่ไหนนัก จนถึงถูกส่งไปให้ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ยืมตัวอยู่พักหนึ่ง แน่ๆ ฟาน กัล ไม่สนใจรวมทั้งพูดว่าที่นักฟุตบอลเกลียดชังย้ายตำแหน่ง เป็นเพียงแต่เนื่องจากว่าเขายังไม่รู้ตัวแค่นั้นว่าตนเองจะมีความสามารถในตำแหน่งใดสูงที่สุด

หวนกลับมาที่เรื่องของ บาสตี้ อีกนิดหน่อย ฟาน กัล ถอยเขาลงมาเล่นน้อยที่สุดในแผงกองกลาง ยืนอยู่หน้ากองหลัง 4 ตัว เขาไม่อยากที่จะให้ ชไวน์สไตเกอร์ เข้าปะทะรวมทั้งเป็นฮาร์ดแมนอย่างกับมิดฟิลด์ตัวรับ แต่ว่าเขาปรารถนาให้ บาสตี้ เป็น "โฮลดิ้งกองกลาง" ตำแหน่งซึ่งเริ่มเป็นที่แพร่หลายในบอลช่วงปลายสมัย 2000's และก็เมื่อได้ทดลองเล่นตำแหน่งนี้ ชไวน์สไตเกอร์ พูดว่าเขาถูกใจมากมาย

"สำหรับผมการย้ายมาเล่นเป็นตัวกึ่งกลางนั้นเป็นอะไรที่สำคัญมาก ตอนเด็กๆผมเคยเล่นที่ตรงนี้มาก่อน แต่ว่าพอเพียงเริ่มใกล้จะเล่นอาชีพก็เลยได้มาเล่นปีก ซึ่งเมื่อได้มาเล่นเป็นตัวกึ่งกลางนั้นผมสามารถพาตนเองไปสู่เกมแล้วก็มานะเปลี่ยนทิศทางของเกมได้อย่างแม่นยำ"

การได้เล่น โฮลดิ้งกองกลาง แปลงให้ ชไวนสไตเกอร์ เปลี่ยนเป็นนักฟุตบอลเวิลด์คลาสไปโดยปริยาย แต่ว่าโน่นยังไม่เพียงพอเพราะเหตุว่าการยืนอยู่หน้ากองหลังนั้นมิได้จบที่การส่งบอลรวมทั้งระบุแนวทางการเล่นของกลุ่ม ชไวน์สไตเกอร์ ได้เพิ่มขีดความสามารถสำหรับเพื่อการเล่นเกมรุกขึ้นมาอีกเพราะเหตุว่าได้รับการเสนอแนะจากนายเก่าอย่าง ได้รับความนิยมซ์เฟลด์ ว่าแม้ว่าจะปรับปรุงมากยิ่งกว่าเดิมเรื่องความฉลาดและก็ความถนัด แม้กระนั้นเกมรุกเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกองกลางในโลกบอลยุคสมัยใหม่ และก็ที่สำคัญเป็นการดูรุ่นพี่อย่าง โอลิเวอร์ ค้างห์น ให้รู้ดีว่าการเป็นหัวหน้าของกลุ่มที่จริงจริงนั้นเป็นอย่างไร

ไม่ว่าผู้ฝึกสอนคนไหนกันแน่ที่เคยร่วมงานกับเขาต่างกล่าวว่านี่เป็นยอดเยี่ยมหัวหน้าในสนามตัวจริง ไม่เพียงแค่นั้นแม้กระทั้ง ฟิลิปป์ ลาห์ม ที่สวมปลอกที่เอาไว้สำหรับใส่แขนกัปตันกลุ่มของ บาเยิร์น ก็ยังชมเชย บาสตี้ ว่าเป็นหัวหน้าในห้องแต่งตัวรวมทั้งเพื่อนพ้องร่วมกลุ่มเรียกเขาว่า บอส ที่หมายความว่าหัวหน้าอย่างยิ่งจริงๆ

"นักฟุตบอลอย่างเขาประมาณคุณค่ามิได้ เขาเป็นนักฟุตบอลที่เอื้อเฟื้อตนเองเพื่อกลุ่มมันทำให้ผมระลึกถึง ฟริตซ์ วอลเตอร์ นักฟุตบอลที่ทำให้เยอรมันตะวันตกเป็นแชมป์บอลโลกปี 1954 เขาเป็นราวกับผู้นำลัทธิ แรงจิตรวมทั้งความหัวใจสู้ของเขาสามารถส่งไปยังเพื่อนฝูงร่วมกลุ่มได้อย่างน่าแปลก" ได้รับความนิยมซ์เฟลด์ ที่คราวหลังไปคุมกลุ่มชาติประเทศสวิตเซอร์แลนด์บอกถึงการวิวัฒนาการสมัยก่อนเด็กวัย 18 ที่เขาเคยสนับสนุนเมื่อหลายปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เหตุการณ์พิสูจน์หัวใจ

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

หลังจากที่ชนะทุกแชมป์กับ บาเยิร์น รวมทั้งครอบครองแชมป์โลกในปี 2014 กับกลุ่มชาติเยอรมันแล้ว ชไวน์สไตเกอร์ ก็พบกับเรื่องที่จะต้องทดลองจิตใจของเขาไม่น้อย เมื่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีมของเสือใต้ณ เวลานั้นมั่นใจว่าเขายืดยาดเหลือเกิน ไม่เหมาะสมกับบอลสไตล์ของ เป๊ป ซึ่งมันทำให้เขาหลุดไปเป็นตัวสำรองหลายครั้ง

ถึงแม้ บาสตี้ จะเคลื่อนดี แม้กระนั้นเขาเป็นผู้ที่ชอบดูซ้ายดูขวาอ่านเหตุการณ์ก่อนออกบอลเสมอ ซึ่งสำหรับ เป๊ป แม้ว่าจะมั่นใจแม้กระนั้นมันก็ช้าไป เขาอยากได้ห้องเครื่องที่กลับบอลได้รวดเร็วทันใจแล้วก็เล่นจังหวะเดียวได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งโน่นก็เป็นจุดเริ่มที่เขาเริ่มดัน ว่ากล่าวอาโก้ อัลคันทาร่า นักฟุตบอลที่ เป๊ป ซื้อมาเองอย่างเต็มกำลัง

ไม่มีผู้ใดรู้สึกว่านักฟุตบอลอย่าง บาสตี้ จะมิได้ห้อยสตั๊ดกับ บาเยิร์น แม้กระนั้นท้ายที่สุดวันแยกทางก็มาถึง เป๊ป เปิดช่องให้เขาสามารถย้ายกลุ่มเองได้ ในตอนที่ตัวของเขาเองก็พร้อมจะออกไปพบประสบการณ์ใหม่ และก็ที่สำคัญ ชไวน์สไตเกอร์ ไม่เคยมีถ้อยคำร้ายๆถึง เป๊ป เลยแม้กระทั้งประโยคเดียว หากว่าปรัชญาของที่ปรึกษาชาวประเทศสเปนจะก่อให้เขาเผชิญกับความไม่มั่นคงในอาชีพเป็นครั้งแรก

มีเพียงแต่การพลัดพรากด้วยดี ขอบคุณมากทุกคนที่เคยร่วมงานด้วยและก็ในที่สุดก็ประกาศว่าเขาจะย้ายกลุ่ม ซึ่งกลุ่มที่เขาถูกใจเยอะที่สุดเว้นแต่บาเยิร์นนั้นมีอีก 1 กลุ่มเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นกลุ่มที่เชียร์ตามพี่ชายตั้งแต่เด็ก แล้วก็ในปี 2015 นั้นเป็นจังหวะที่ประจวบพอดี เพราะเหตุว่า หฝ่าส์ ฟาน กัล อดีตกาลผู้ฝึกสอนที่ให้ตำแหน่งระดับเวิลด์คลาสของเขาเป็นกุนซืออยู่ด้วย

ทุกสิ่งลงล็อก ฟาน กัล สั่งยูไนเต็ด ปิดดีล ชไวน์สไตเกอร์ร์ ด้วยค่าจ้างราว 6 ล้านปอนด์ แล้วก็ค่าจ้างอาทิตย์ละ 200,000 ปอนด์ หมายปั่นปั้นมือให้ บาสตี้ เข้ามาทำให้มิดฟิลด์ของยูไนเต็ดมีหัวหน้าที่จริงจริงให้ควรได้

“ผมมีความรู้สึกว่า หฝ่าส์ ฟาน กัล และก็ผม พวกเรามีความเกี่ยวข้องที่พิเศษกันมากมายๆเขาให้ผมเล่นเป็นกองกลางตัวกลางซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผมถนัดที่สุดตอนอยู่กับ บาเยิร์น รวมทั้งผมขอขอบพระคุณเขาอย่างใหญ่โตสำหรับหัวข้อนั้น" บาสตี้ กล่าวข้างหลังร่วมกลุ่ม อสุรกายแดง

ไม่ว่าจะตัวนักฟุตบอล, ผู้ฝึกสอน และก็ยังรวมทั้งแฟนบอลไม่เคยมีคนไหนกันแน่รู้สึกว่า ชไวน์สไตเกอร์ จะล้มเหลวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เลย หากแม้เขาจะแก่ขึ้นแต่ว่าเขาพึ่งครอบครองแชมป์โลกมาเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเหตุนั้นการ "หมดสภาพ" ไม่น่าเกิดขึ้นในเร็ววัน

แต่ว่าทุกๆอย่างบนโลกบอลนั้นคาดการณ์มิได้เสมอ ปีแรกกับ ยูไนเต็ด ชไวน์สไตเกอร์ เจ็บได้ลงเล่นน้อยมาก ประกอบกับผลงานกลุ่มไม่ค่อยดี ทำให้ในที่สุด ฟาน กัล ผู้ที่ซื้อตัวเขามาจำต้องรับผิดชอบด้วยการเช็ดกไล่ออกจากตำแหน่งข้างหลังสังสรรค์แชมป์ เอฟเอ คัพ ไม่กี่วัน ซึ่งผู้ที่เข้ามาใหม่เป็น โชเซ่ มูรินโญ่

สิ่งที่เกิดสังกัด บาสตี้ ในสมัย มูรินโญ่ สามารถใช้คำว่าทรามสุดๆก็ยังได้ เพราะว่านอกเหนือจากจะมิได้ลงในสนามแล้ว มูรินโญ่ ยังทำเสมือนแกล้งกันอีกทั้งการดร็อปไปเล่นกลุ่มสำรอง และไม่ให้ฝึกซ้อมกับกลุ่มชุดใหญ่เพื่อบีบให้ย้ายกลุ่ม เพราะว่านอกเหนือจากไม่อยู่ในแนวทางทำทีมแล้ว เขายังเป็นนักฟุตบอลที่มีค่าอิดโรยสูงลำดับหนึ่งของสมาพันธ์อีกด้วย

เรื่องดังที่กล่าวผ่านมาแล้วทำให้โลกลูกหนังลุกเป็นไฟโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนของฝั่งบาเยิร์น พวกเขารู้สึกว่า มูรินโญ่ เอาตำนานอย่าง Fußballgott มาปู้อี๊ปู้ยำจนกระทั่งแปลงเป็นตัวตลกอย่างงี้

"พวกเขาปฏิบัติกับบาสตี้ราวต้องการจะเขี่ยทิ้ง เขาเป็นถึงแชมป์โลกรวมทั้งมีความเป็นหัวหน้า แม้กระนั้นมองสิ่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำสิ นักฟุตบอลอย่างเช่นบาสตี้ไม่คู่ควรกับสิ่งห่วยแตกๆแบบงี้เลย" คาร์ล ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ ซีอีโอของกลุ่มเสือใต้กล่าว ในตอนที่ มานูเอล นอยเอ้อร์ หนึ่งในเพื่อนพ้องร่วมกลุ่มคนสนิทสนมก็เสริมว่า “มันออกจะเจ็บร้าวรวมทั้งน่าสังเวชอย่างยิ่ง พวกเราต่างก็รู้ว่า บาสเตียน สำคัญกับกลุ่มแค่ไหน ไม่ว่าจะทั้งยังกับ บาเยิร์น มิวนิค รวมทั้งกลุ่มชาติเยอรมัน ซึ่งสำหรับผมแล้ว เขาเป็นหนึ่งในยอดเยี่ยมกองกลางของโลกอยู่ตลอด รวมทั้งมันเกิดเรื่องสลดที่มิได้มองเห็นเขาอยู่ในที่ที่สมควรสำหรับโลกของบอล”

ระหว่างที่ มูรินโญ่ ตอบกลับกล้วยๆที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยหัวร้อนว่า "ผมก็แค่ตกลงใจตามธรรมดา มันเป็นมาตรฐานของผู้ฝึกสอนทุกๆคน" ซึ่งมันแจ่มชัดแล้วว่าในที่สุดแล้ว ชไวน์สไตเกอร์ จะจบกับกลุ่มรักกลุ่มที่ 2 ของเขาด้วยความไม่สมหวังแบบร้ายแรงเกินกว่าผู้ใดกันแน่จะคิด

เนื่องจากสุภาพบุรุษ ยอดนักฟุตบอล และก็ชายผู้จงรักภักดีคนนี้ ควรจบอาชีพได้งามมากยิ่งกว่าการโดนส่งมาเล่นรวมทั้งฝึกซ้อมกับเด็กๆในกลุ่มสำรองอย่างงี้ แสดงออกด้วยความรัก ถ้า ชไวน์สไตเกอร์ เลือกสาดโคลนรวมทั้งใส่ร้ายรวมทั้งเปิดโปงสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังจากย้ายออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ภาพจำของเขาที่มีต่อแฟนคลับจะแปรไปหรือเปล่าไม่มีผู้ใดทราบ แต่ว่าสิ่งที่เขาปฎิบัติออกมาเปลี่ยนไปเป็นสิ่งหน

เว็บพนันที่ดีที่สุด TSOK โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษอีกมากมายที่รอท่านอยู่พร้อมกับแจ็คพอทเกมคาสิโน บาคาร่า สล็อต รูเล็ต และอื่นๆอีกมากมาย

แชร์เรื่องนี้
Tags : , , , , , , ,
แสดงความคิดเห็น