หนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังการบรรลุเป้าหมาย ตลอด 10 ปีที่ล่วงเลยไป ของกองทัพลูกหวายกลุ่มชาติไทย เป็น ภัทรพงษ์ ยุพดี ผู้เล่นตำแหน่งมือชง ที่ได้รับการยินยอมรับจากผู้ชมกีฬาตะกร้อทั้งประเทศไทย และก็เป็นแรงจูงใจ ให้กับนักตะกร้อรุ่นน้องอีกคนไม่ใช่น้อย
6 เหรียญทองเอเชียนเกมส์, 9 เหรียญทองกีฬาซีเกมส์ รวมทั้ง 10 แชมป์คิงส์คัพ เป็น เกียรติยศของงามดงษ์ กับการบรรลุเป้าหมายที่เขารอชงลูกตะกร้อ ให้นักหวดลูกหวายกลุ่มชาติไทย ฟาดลูกคว้าคะแนนมาแล้วนักต่อนัก
ในเวลาที่ภัทรพงษ์ เป็น เบื้องหน้าเบื้องหลังการบรรลุผลของกองทัพตะกร้อกลุ่มชาติไทย ยังมีอีกหลายบุคคล ที่อยู่เบื้องการบรรลุผลของเพศชายคนนี้ รวมทั้งมีส่วนช่วยสร้าง เจริญดงษ์ ยุพดี จากเด็กน้อยคนหนึ่ง ที่เกลียดในกีฬาลูกพลาสติก ให้แปลงเป็นตำนาน ของแวดวงตะกร้อประเทศไทย และก็ยังคงเข้มข้นเปี่ยมด้วยกำลังใจไม่เคยหมดไฟด้วยวัย 35 ปี
ถ้าหากเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของนักกีฬา เป็นดุจต้นกาแฟ บางต้นสามารถเติบโต ตามธรรมชาติ จากความชอบพอ แล้วก็รักสำหรับในการเล่นกีฬาด้วยตัวเอง แม้กระนั้นสำหรับบางต้น การจะเริ่มเพาะพันธ์ุเม็ดให้เติบโต จำต้องยืมมือนักเพาะเม็ดเกรดเอ เข้ามาช่วยเหลือ
“บิดาของผมท่านเป็นคนถูกใจเล่นตะกร้อมากมาย ถูกใจเล่นแบบว่า ทุกวี่วันขอให้ได้ไปสนามตะกร้อ ฝนตกก็ไป ขอเพียงแค่ให้มีพื้นที่เล็กๆที่ไม่แฉะฝน ท่านก็สามารถยืนเล่นตะกร้อได้” ภัทรพงษ์ ยุพดี เล่าถึงชายที่มีส่วนสำคัญ สำหรับเพื่อการปลูกวิชาตะกร้อให้กับตัวเขา
การบาดเจ็บ เป็น สิ่งที่ทำให้ท่านบิดาของประเสริฐดงษ์ ยุพดี ไม่สามารถที่จะเป็นนักตะกร้ออาชีพได้ดังที่ฝัน ด้วยเหตุนั้นเขาก็เลยนำความฝันที่มี มาปลูกเอาไว้ในตัวของลูกชาย ถ้าหากแต่ว่ามีปัญหาสำคัญเพียงแค่ข้อเดียว ภัทรพงษ์ไม่ชอบเล่นตะกร้อ
“ตอนเป็นเด็ก ผมไม่เคยถูกใจเล่นตะกร้อเลยนะ ไม่เคยพึงพอใจ มิได้ตั้งใจ ปราศจากความฝันที่ต้องการเป็นนักกีฬากลุ่มชาติ แม้กระนั้นที่ผมเล่นตะกร้อ เนื่องจากว่าถูกบิดาบังคับ เล่นด้วยเหตุว่ากลัวบิดาตี เท่านั้นเลย เวลาเล่นตะกร้อ บิดาบอกให้ทำอะไรก็ทำ มิได้เล่นด้วยความสนุกสนานร่าเริง ผมไม่มีจิตใจสุดที่รักตะกร้อเลย”
ทุกเย็นข้างหลังเลิกเรียน ภัทรพงษ์จะต้องรีบกลับไปอยู่บ้าน เพื่อแปลงเครื่องแบบนักเรียน เป็นชุดที่มีไว้สำหรับใส่เล่นกีฬา รวมทั้งไปที่สนามตะกร้อ เพื่อฝึกหัดและก็เล่นตะกร้อ ร่วมกับพ่อ ท่ามกลางความข้องใจว่าเพราะเหตุใด บิดาของเขาถึงจำเป็นต้องรอบังคับให้เล่นตะกร้ออยู่ทุกเย็น เพราะอะไรพ่อของเขาถึงไม่ยินยอมกลับไปอยู่บ้าน ภายหลังจากเลิกงาน แต่ว่าเลือกมาที่สนามตะกร้อ เพื่อปลูกฝังวิชากีฬาลูกพลาสติก ให้กับลูกชาย?
บางเวลาการเจริญเติบโตของเมล็ดพันธุ์ บางทีอาจจำต้องใช้เวลา ในวันที่วิชาตะกร้อยังไม่โตขึ้น พวกเราบางทีอาจไม่เห็นคุณค่า แต่ว่าเมื่อปฏิทินเบาๆเปลี่ยนไป วิชาตะกร้อที่ป๋าปลูกฝังไว้ให้ แปลงเป็นต้นไม้ที่ผลิดอกออกผล ให้ภัทรพงษ์ ได้เก็บเกี่ยววิชาลูกพลาสติก นำไปเริ่มดำรงชีพ ในฐานะนักตะกร้ออาชีพ สามารถหารายได้ดำรงชีพตนเองได้สุดท้าย
เมื่อถึงวันที่สุกงอม ภัทรพงษ์ ยุพดี แปลงเป็นนักตะกร้อระดับตำนาน เป็นผู้เล่นตำแหน่งตัวชงเบอร์หนึ่งของกลุ่มชาติไทย บุคคลที่ประเสริฐดงษ์ต้องการขอบพระคุณที่สุด ไม่ใช่คนใดเว้นแต่บิดาที่ปลูกฝังกีฬาตะกร้อไว้กับเขา กระทั่งแปลงเป็นทุกๆอย่างในชีวิต
“ภายหลังที่ผมติดกลุ่มชาติหนแรก แล้วไปครอบครองแชมป์คิงส์คัพ ได้เหรียญทองกีฬาซีเกมส์ปี 2009 กลับมา ผมรีบกลับไปกราบเท้าบิดา บอกท่านว่า ‘ขอบพระคุณขอรับ...บิดาทำให้ผมมีวันนี้ (เสียงสั่นเครือ)’ ปัจจุบันนี้ผมทราบแล้วว่า เพราะเหตุไรป๋าถึงอุตสาหะปลูกฝังให้ผมเล่นกีฬาตะกร้อ”
กว่ากำลังจะถึงวันที่ได้ลิ้มชิมรสการบรรลุเป้าหมาย ภัทรพงษ์ ยุพดี จำเป็นต้องก้าวผ่านปัญหาหลายแบบ ที่เข้ามาท้าความรู้ความเข้าใจของตัวเขา โดยเฉพาะแรงกดดันในฐานะ นักตะกร้อกลุ่มชาติไทย ผู้หามศักดิ์ศรีของธงสามสี ไว้บนทรวงอกของเสื้อ
คณะทำงานผู้ฝึกสอนที่ช่วยกล่อมเกลา ภัทรพงษ์ ยุพดี
“สำหรับผมการเล่นตะกร้อ มันบีบคั้นทุกนัดหมาย เพราะเหตุว่าคนใดก็เห็นว่า ตะกร้อกลุ่มชาติไทยแพ้มิได้ แรงกดดันเกิดเรื่องที่เลี่ยงมิได้ และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะแรงกดดัน”
แม้กระนั้นการเดินทาง บนทางสายนักกีฬาตะกร้ออาชีพ ภัทรพงษ์มิได้เดินเพียงผู้เดียว เพราะเหตุว่ามีคณะทำงานผู้ฝึกสอนความสามารถชั้นเยี่ยม นำโดยคุณครู ใจ ตันกิมหงษ์ ผู้ฝึกสอนตะกร้อกลุ่มชาติไทย แล้วก็คณะทำงานอีกคนจำนวนไม่น้อย ที่รอข้างเคียงให้คำแนะนำ เพื่อช่วยทำให้งามดงษ์ สามารถโชว์ความรู้ความเข้าใจของการเล่นตะกร้อ ได้อย่างเต็มความสามารถ
“บางเวลาที่ผมบีบคั้น ผู้ฝึกสอนก็เข้ามาช่วยชี้แนะว่า ให้พวกเราลงไปเต็มเล่นให้สุดกำลัง เล่นให้ราวกับที่พวกเราฝึกซ้อมมา แค่นั้นก็นับว่า พวกเราไปถึงเป้าหมายแล้ว เพราะว่าบางเวลาผลแพ้ชนะ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราระบุได้”
“นักจิตวิทยาก็มีส่วนที่ช่วยปรับปรุงผม สำหรับเพื่อการเอาชนะแรงกดดัน ทั้งยังแนวความคิดในประเด็นการคิดบวก การพูดกับตนเอง ซึ่งผมเอามาประยุกต์ อีกทั้งการฝึกหัด และก็การประลองจริง เพื่อที่จะได้ให้พวกเราพร้อมต่อกรกับทุกเหตุการณ์”
“ผมมีความคิดว่า ผมโชคดีมากมาย ที่มีผู้ฝึกสอนที่ใส่ใจนักกีฬาขนาดนี้ ผู้ฝึกสอนของพวกเรา มิได้เพียงแค่มาสอนตะกร้อ และจากนั้นก็จบ แต่ว่าพวกท่านสอนพวกเราทุกสิ่งทุกอย่าง ว่าการเป็นนักกีฬากลุ่มชาติที่ดีควรจะเป็นยังไง ท่านแบ่งปันประสบการณ์มากไม่น้อยเลยทีเดียว ให้ผมได้ทำความเข้าใจ ซึ่งมิได้ทำให้ผม เป็นนักตะกร้อที่ดียิ่งขึ้นเพียงอย่างเดียว แม้กระนั้นทำให้ผมเป็นผู้ที่ดียิ่งขึ้น”
คณะทำงานผู้ฝึกสอนของกองทัพตะกร้อกลุ่มชาติไทยทุกคน ก็เลยเป็นเสมือนที่รออยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลนักกีฬาทุกคน เพื่อนักตะกร้อกลุ่มชาติไทย สามารถปรับปรุงตนเอง ได้เต็มสมรรถภาพ ไม่มีความแตกต่างกับ “เบอร์ดี้” กาแฟพร้อมดื่ม ที่รอให้การเกื้อหนุนแล้วก็เป็นอันมากดวงใจนักกีฬากลุ่มชาติไทยทุกคน ไปสู่ฝั่งฝันตามที่ตั้งมั่นไว้
ตะกร้อ เป็นกีฬาที่ให้ความใส่ใจกับการเล่นเป็นกลุ่ม แม้ว่าจะมีผู้เล่นในสนาม เพียงแต่กลุ่มละ 3 คน แม้กระนั้นจุดสำคัญของกลุ่มเวิร์ค ในกีฬาประเภทนี้ ไม่มีความแตกต่างจากกีฬาประเภทอื่น ด้วยความรู้ความเข้าใจของผู้เล่นเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถที่จะพาทีมบรรลุเป้าหมายได้ ถ้าหากไม่มีการส่งเสริม ซึ่งกันและกันของเพื่อนพ้องร่วมกลุ่ม
สำหรับภัทรพงษ์ ยุพดี ในฐานะผู้เล่นตำแหน่งตัวชง ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่สะดุดตา แฟนกีฬาบางทีอาจไม่จำเขา พอๆกับผู้เล่นที่เป็นตัวฟาดลูกเค้าหน้าข่าย แม้กระนั้นจุดสำคัญของตัวชง จัดว่าสำคัญไม่แพ้ตำแหน่งอื่น หรือบางทีอาจพูดได้ว่า เขาเป็นผู้ที่อยู่ด้านหลัง รอส่งเสริมผู้เล่นบุคคลอื่น ให้แสดงสมรรถนะฝีเท้าการเล่นตะกร้อ ได้อย่างเต็มเปี่ยม
“ถ้าหากพวกเราทราบว่าตัวเสิร์พคนนี้ ถูกใจลูกเสิร์พแบบไหน พวกเราก็สามารถช่วยทำให้เขาเสิร์พ แบบเต็มที่เปอร์เซ็นต์ได้นะ หรือถ้าหากคุณทราบดีว่าตัวฟาด ถูกใจฟาดลูกชงแบบไหน ถ้าเกิดพวกเราสามารถชงลูกได้ดุจหัวใจเขา มันก็ช่วยทำให้เขาฟาดลูกได้เต็มคุณภาพ” ภัทรพงษ์เล่าถึงหน้าที่ของตนเอง ซึ่งรอปลุกปั้นนักกีฬาบุคคลอื่น ให้สะดุดตาในสนาม
ไม่ใช่แค่รอส่งเสริมผู้อื่น แต่ว่าเพื่อนฝูงร่วมกลุ่มชาติทุกคนของภัทรพงษ์ ล้วนมีส่วนสำหรับการส่งเสริมตัวเขา ให้ก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาคนสำคัญ ของกองทัพตะกร้อกลุ่มชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้อง ตั้งแต่ตอนเริ่มเล่น จนกระทั่งตอนนี้ที่ไปสู่ช่วงปลายอาชีพ
“ยุคผมเริ่มเล่นใหม่ๆก่อนติดกลุ่มชาติ ก็ได้พี่ๆกลุ่มชาติในยุคนั้น ที่เล่นสมาพันธ์ร่วมกัน รอช่วยพยุงพวกเรา เพราะเหตุว่าพวกเราไม่มีประสบการณ์ พี่เขาก็ช่วยพวกเราหลายชนิดเวลาเล่นในสนาม”
“เวลานี้ผมเป็นรุ่นพี่ ก็จะต้องช่วยเหลือน้องๆทั้งยังในและก็นอกสนาม รอช่วยเหลือ รอเรียนนิสัยของน้องๆแต่ละคน เพื่อที่จะได้ให้พวกเราเล่นเข้ากันได้ ในฐานะกลุ่ม เนื่องจากว่านักกีฬา มิได้มีเพียงแค่หน้าที่ปรับปรุงตนเอง แม้กระนั้นพวกเราจะต้องปรับปรุงคนอื่นๆไปพร้อมเพียงกัน”
“สำหรับตัวผมเอง กว่าจะมาถึงนี้ ผมศึกษาอะไรหลายแบบจากเพื่อนฝูงร่วมกลุ่ม เพียรพยายามเรียนรู้ผู้อื่น อีกทั้งรุ่นพี่แล้วก็รุ่นน้อง ผู้ใดกันแน่เล่นเก่งเล่นดี พวกเราเอากรรมวิธีเล่นของเขา มาประยุกต์กับตัวเราเอง เพื่อปรับปรุงคุณลักษณะเด่น แล้วก็ปรับแก้จุดเสียของพวกเรา”
เพื่อนพ้องร่วมกลุ่ม เปรียบเสมือนเพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข ลงสู้สนามแข่งไปพร้อม ราวที่ “เบอร์ดี้” รอยืนข้างเคียง ร่วมทางไปกับนักกีฬากลุ่มชาติไทย และก็ช่วยเหลือ กองทัพนักกีฬากลุ่มชาติไทย ให้เต็มเปี่ยมด้วยความพร้อมเพรียง ที่จะพบเจอกับทุกคู่ปรปักษ์ ทุกปัญหา พร้อมรอช่วยเหลือ แล้วก็รวมจิตใจสู้ไปร่วมกัน
TS911 สมัครวันนี้ รับฟรี!!! ทันที 15% สูงสุดที่ 1,500 บาท บาคาร่า สล็อต รูเล็ต ไพ่เสือ-มังกร แทงขั้นต่ำเพียง 10 บาท เท่านั้น!!!