มาซาฮิโระ นากาซาวะ : กับชีวิตมนุษย์เงินเดือนใน กทม.

03/08/2019 ts911hklen 581 views

เรื่องราวของ มาซาฮิโระ นากาซาวะ หรือ “มาสะ” ผู้สื่อข่าวบอลไทย คนญี่ปุ่น ที่ฟัง กล่าว อ่าน เขียนภาษาไทย รวมทั้งปรับนิสัยกับเมืองหลวงของไทยได้อย่างกลมกลืน

มาซาฮิโระ นากาซาวะ

ก่อนที่จะ มาซาฮิโระ นากาซาวะ จะย้ายมาดำเนินชีวิตในประเทศไทย เขาดำเนินงานเป็นผู้สื่อข่าวให้แก่หนังสือพิมพ์แห่งหนึ่ง ในกรุงเมืองโตเกียว ญี่ปุ่น เมืองที่น่าอยู่ที่สุดชั้น 7 ของโลกจากการจัดชั้นของวารสาร THE ECONOMIST เมื่อปี 2018

“ในช่วงเวลาที่อยู่ประเทศญี่ปุ่น ผมขี่จักรยานจากบ้านไปสถานที่ทำงาน ใช้เวลาราว 20 นาที นานที่สุดไม่เกิน 30 นาที หรือไม่ก็นั่งรถไฟใต้ดิน ราว 10-15 นาที สบายมากมายนะครับ”

ชีวิตที่สะดวกในเมืองที่สมบูรณ์ เป็นสิ่งที่อยู่กับ มาสะ ตั้งแต่กำเนิด เขากำเนิดและก็เติบโตในกรุงเมืองโตเกียว ครอบครัวไม่มีปัญหาทางการเงิน สามารถส่งเขาเรียนจบในระดับมหาวิทยาลัย รวมทั้งหางานที่มั่นคงได้ แม้ว่าจะจบมาไม่ตรงสาย

มองผ่านๆมาสะ อาจมีทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากได้ในชีวิตประจำวัน ที่พักอาศัย, หน้าที่การงาน และก็ สาธารณูปโภคที่มีคุณภาพ

ถ้าหากแต่ว่าในใจลึกๆแล้ว มาสะรู้ว่ามีบางอย่างที่ตัวเขาอยากได้เติมเต็มให้แก่ชีวิต สิ่งนั้นเป็น “ความรัก” ในกีฬาบอล ที่เปลี่ยนแปลงเป็น “ความฝัน” ที่มาสะอยากได้สืบต่อให้เสร็จ

“ผมเคยเล่นบอลที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่ใช่ระดับอาชีพ เป็นเพียงแค่บอลในสถานศึกษา ถึงในเวลานี้ผมจะมิได้เล่น แม้กระนั้นผมก็ถูกใจมองบอลมากมาย ผมมิได้มีกลุ่มที่เชียร์มุ่งมั่น ผมเพียงแค่ถูกใจมองบอล ต้องการมองเกมบันเทิงใจๆ”

“ยุคเรียน ผมถูกใจอ่านหนังสือเกี่ยวกับกีฬา รู้สึกว่าวันหนึ่งต้องการเป็นผู้รายงานข่าว บวกกับความชื่นชอบในบอลด้วย ผมเริ่มตั้งความฝันจากนั่น ว่าวันใดวันหนึ่งผมต้องการเขียนข่าวสารเกี่ยวกับบอล”

โชคร้ายที่ มาสะ ไม่สามารถที่จะทำงานในสื่อกีฬาได้อย่างหวัง เขาไม่ยอมแพ้ต่อความฝัน ด้วยการเดินหน้าดำเนินงานเป็นผู้รายงานข่าวถัดไป แม้ว่าจะจำต้องโยกไปเขียนข่าวสารสายสนุกสนานเป็นส่วนมากก็ตาม

เมื่อไม่ใช่สิ่งสุดที่รัก ไม่นาน มาสะ เริ่มหมดอาลัยตายอยากที่จำเป็นต้องรอไปสัมภาษณ์ศิลปิน หรือเปิดตัวรายการทีวีใหม่ เขาอยากการเปลี่ยนแปลงในชีวิต กระทั่งตกลงใจเดินทางมาหาชีวิตใหม่ในประเทศไทย

“ในเวลานั้นผมยังดำเนินงานสบาย แม้กระนั้นเริ่มเบื่อบางส่วน ก็เลยมีความคิดว่าต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ ไปดำรงชีวิตที่ใหม่ดีไหมนะ?” มาสะตั้งปัญหากับตนเอง

“มานั่งลองคิดดูแล้ว ผมตกลงใจย้ายมาดำเนินชีวิตที่เมืองไทย เพราะว่าผมเคยมาท่องเที่ยวประเทศไทย คนรู้จักกันที่อยู่ในไทยก็มี ชาวญี่ปุ่นมาอยู่ในไทยเองก็มากมาย มีความคิดว่าหางานไม่ยาก ผมตกลงใจลงเรียนภาษาไทย และจากนั้นก็ได้งานในกรุงเทวดาโดยทันที”

ปี 2012 มาสะ เริ่มชีวิตของเขาในจ.กรุงเทพฯ ไม่ใช่ในฐานะนักเดินทางเสมือนอย่างแต่ก่อน แม้กระนั้นเป็นพนักงานประจำคนหนึ่งสถานที่ทำงานจันทร์ถึงวันศุกร์ ตื่นหกนาฬิกายามเช้า เพื่อเข้างานแปดนาฬิกา

โน่นเป็นชีวิตที่ มาสะ ไม่อาจจะหลบหลีกได้ เมื่อเข้ามาเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของราษฎรมากยิ่งกว่าสิบล้านคน ในเมืองหลวงของเมืองไทย

“ครั้งก่อนที่ทำงานอยู่แถวลาดพร้าว มันมิได้ไกลมาก นั่งวินจักรยานยนต์แปบเดียวถึงเลย แต่ว่าเวลานี้ มีการเปลี่ยน ผมจำเป็นต้องไปดำเนินการที่สีลม การเดินทางเป็นเวลายาวนานมาก ก็รู้สึกทุกข์ยากลำบาก” มาสะ ที่มีห้องเช่าแถวถนนหนทางนาคนิวาส เอ๋ยถึงการเดินทางไปดำเนินงานในทุกเช้าตรู่ของชีวิต

“ขณะนี้ ขาไป ผมนั่งวินรถจักรยานยนต์จากคอนโด มาขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานีลาดพร้าว แล้วต่อจากนั้นก็นั่งยาวไปถึงที่ทำงานที่สีลม เมื่อเทียบกับที่ประเทศญี่ปุ่น มันแตกต่างกันมากมาย ในประเทศไทย ผมว่าตรากตรำกว่าเยอะแยะ จากชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ขี่จักรยานไปดำเนินการสบายๆโดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มาสะ จำเป็นต้องแปลงมานั่งรถยนต์สามถัดไปสถานที่ทำงาน

ใช้เวลาในตอนเวลาเช้าสูงถึงวันละ 2 ชั่วโมง เพื่อไปปฏิบัติงานให้ตามกำหนด แล้วก็ยังจำเป็นต้องเสี่ยงกับประสิทธิภาพสาธารณูปโภคที่ลดน้อยลงอย่างชัดเจน เมื่อมาสะทิ้งเมืองน่าอยู่ชั้น 7 มาดำรงชีวิตในเมืองน่าอยู่ชั้นที่ 100 ของโลก

มาซาฮิโระ นากาซาวะ

“ผมจำเป็นต้องนั่งรถบัสจากตรอกลาดพร้าว 71 ออกมาต่อมอเตอร์ไซค์ที่ถนนหนทางลาดพร้าว แล้วรถเมล์เก่ามากมาย พอเพียงมานั่งวินจักรยานยนต์ ผู้โดยสารไม่สวมหมวกใช่ไหม ผมก็รู้สึกทุกครั้งว่า หากอุบัติเหตุ ผมอาจตายแน่ (หัวเราะ)”

“ส่วนรถไฟใต้ดินที่ประเทศญี่ปุ่นจะมีตารางเวลา ว่ารถไฟจะมากี่นาฬิกา กี่นาที เนื้อหามากมาย แต่ว่าประเทศไทยไม่มีใช่ไหม จะมาก็มา ไม่มาก็ไม่มา มันต่างกันเลย ว่าตามตรงมันก็รู้สึกตรากตรำ ในช่วงเวลานี้ก็ยังรู้สึกทุกข์ยากลำบาก (หัวเราะ) เหน็ดเหนื่อยนะครับ”

วัฒนธรรมสำหรับในการปฏิบัติงานของคนญี่ปุ่น ชี้แจงให้รู้เรื่องได้อย่างง่ายดายด้วยคำว่า “มุ่งมั่น” การทำงานหนักตลอดวันตลอดคืน รวมทั้งรับผิดชอบซึ่งๆหน้าที่และก็ความบกพร่อง เป็นสิ่งที่มาสะมองเห็นอย่างเคยชินในบ้านกำเนิด

แม้กระนั้นบรรยากาศหลักการทำงานของชาวไทยที่แตกต่างกันออกไป ชี้แจงให้เข้าใจง่ายๆด้วยคำว่า “สบายๆ” แปลงเป็นเรื่องสำคัญที่มาสะจะต้องทำความเข้าใจ และก็ปรับนิสัยมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าจะดำเนินชีวิตในประเทศไทยมาครู่หนึ่งและก็ตาม

“แม้กระนั้นที่ประเทศญี่ปุ่น ทำอย่างนี้มิได้ ถ้าหากบุคลากรเล่นโทรศัพท์ในห้องอาหาร ก็จะมีคนว่า คนขับรถเมล์หากเล่นโทรศัพท์ แม้กระทั่งเพียงแค่แปบเดียว แล้วผู้โดยสารมองเห็น ผู้โดยสารจะโทรศัพท์หาบริษัทกล่าวว่า คนขับของคุณเล่นโทรศัพท์ แม้กระทั่งไม่เคยทราบต้นสายปลายเหตุที่ผู้ขับเล่น ผู้โดยสารก็จะโทรฟ้อง จริงๆผู้ขับบางทีอาจจะเพียงแค่ถือมาดูเวลาก็ได้ แต่ว่าเขาไม่สนใจ และก็คนขับจะประสบพบปัญหาใหญ่”

“ตอนนี้ ผมยังพากเพียรปรับพฤติกรรมกับนิสัยหลักการทำงานของคนประเทศไทย ผมเคยขุ่นเคืองคนภายในสถานที่ทำงาน เนื่องจากว่าบางเรื่องที่เขาทำผิดพลาด มันร้ายแรง ถ้าเกิดเป็นที่ประเทศญี่ปุ่น โดนไล่ออกแน่ แม้กระนั้นผมนึกในใจนะ มิได้บอกเขา เพียงแค่สนเท่ห์ใจมากมาย ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำอย่างงี้ เนื่องจากมันไม่ดีต่อความน่าไว้วางใจของบริษัท”

นิสัยของเพื่อนผู้ร่วมการทำงานชาวไทย ขัดกับวัฒนธรรมแนวทางการทำงานของคนญี่ปุ่นอย่างสิ้นเชิง แม้กระนั้นเมื่อมองดูถึงความจริง มีคนประเทศญี่ปุ่นอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯถึง 53,000 คน

มาสะ ก็ยอดเยี่ยมในคนกรุ๊ปนั้น ที่กล้าบอกได้อย่างเต็มปากว่า เขาประทับใจในวัฒนธรรมการทำงานที่สบายๆไม่บีบคั้น มากยิ่งกว่าบรรยากาศที่บีบบังคับรวมทั้งเป็นจริงเป็นจัง ภายใต้วัฒนธรรมการทำงานที่เข้มงวดของประเทศญี่ปุ่น

“ทีแรกๆผมตกอกตกใจและก็สนเท่ห์ใจ แต่ว่าในขณะนี้ ผมกลับมีความรู้สึกว่าที่ประเทศญี่ปุ่นเร่งรีบเกินความจำเป็น รถไฟจะต้องมาช่วงนี้ หรือเปล่าอีกสองนาทีจำเป็นต้องมา ถ้าเกิดมาสาย เจ้าหน้าที่การรถไฟจะต้องแจ้งว่า รถไฟจะมาช้ากี่นาที”

“ผมคิดว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องตั้งใจจริงขนาดนั้น ช้าหนึ่งนาทีสองนาทีก็ช่างเถิด แม้กระนั้นชาวญี่ปุ่นโดยมากมิได้คิดอย่างนั้น เขาจะพร่ำบ่นเสมอว่า เพราะอะไรรถไฟไม่มาตามกำหนด”

“ขี่จักรยานไปดำเนินการแบบครั้งก่อน ผมกระปรี้กระเปร่ากว่า ได้บริหารร่างกาย แต่ว่าพอเพียงย้ายมาอยู่จังหวัดกรุงเทพมหานคร นั่งจักรยานยนต์ก็สบายดี เพราะรถติดบ่อยครั้ง อีกอย่าง เมืองโตเกียวกับจ.กรุงเทพฯ มันก็ต่างกัน”

“มีคนประเทศญี่ปุ่นหลายๆคน ที่รู้สึกว่าการทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นมุ่งมั่นเหลือเกิน อีกทั้งเรื่องงาน TS911 สมัคร เรื่องเวลา ถ้าเกิดมาประเทศไทย ถึงจะพบความยากลำบาก แม้กระนั้นไม่ต้องซีเรียสประเด็นการทำงานมากเยอะแค่ไหน รู้สึกว่าหลายๆคนย้ายมาปฏิบัติงานในประเทศไทยเนื่องจากว่าเหตุผลนี้”

เหตุผลที่ มาสะ พูดว่า มีส่วนสำคัญจนกระทั่งทำให้เขาตกลงใจลงหลักปักฐาน รวมทั้งปรารถนาดำรงชีวิตอยู่บนแผ่นดินไทยไปจนกระทั่งแก่ เป็น การช่องทางที่ได้รับให้เดินตามความฝันในวัยเด็กของตนให้เป็นจริง

“ก่อนมาประเทศไทย ผมได้โอกาสรู้จักผู้ที่เขียนเว็บไซต์ข่าวสารบอลที่ประเทศญี่ปุ่น เพียงพอผมมาประเทศไทย ผมได้ช่อง เข้าไปทักเขา ขณะนั้นบอลไทยเริ่มได้รับความนิยม นักฟุตบอลประเทศญี่ปุ่นย้ายมากันมากมาย พวกเขาก็เริ่มพึงพอใจบอลไทย ผมกล่าวว่าถ้าหากได้โอกาส จะแจ้งข่าวบอลไปให้”

จากจุดเริ่มเล็กๆเดี๋ยวนี้มาสะพรีเซนเทชั่นข่าวสารบอลไทย สู่สายตาคนประเทศญี่ปุ่น ผ่านทางเว็บกีฬา 3 เจ้า ไม่ว่าจะเป็น Footballista, Footballchannel รวมทั้ง Victorysportnews

มาสะ เก็บตกทุกการเคลื่อนที่ในบอลไทย ทั้งยังระดับประเทศแล้วก็สมาพันธ์ ที่จะตอบสนองความพอใจของชาวญี่ปุ่น ที่มีต่อแวดวงบอลไทยขณะนั้น

แชร์เรื่องนี้
Tags : , , , , , , , , , ,
แสดงความคิดเห็น