รุย ฮาจิมูระ ผู้ครอบครองดราฟต์รอบแรก ชั้น 9 ใน NBA ฤดู 2019 ที่ถูกสื่อใหญ่อย่าง ESPN กล่าวว่าราวกับ คาวาย เลียวนาร์ด MVP ในรอบชิงแชมป์ฤดูก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาไม่มีไม่ถูก
ถ้าโตขึ้นมาหน่อยรวมทั้งรู้เรื่องความจริงที่จริงจริงว่าทุกคนเป็นคนเช่นเดียวกันมันก็อาจจะไม่เคยทราบสึกห่วยแตกอะไรนัก แม้กระนั้นสำหรับเด็กลูกครึ่งที่กำลังแปลงวัยจากวัยเด็กไปสู่วัยรุ่นมันหลีกเลี่ยงมิได้เลยที่เขาจะกลายเป็นเป้าสายตา และก็ชอบโดนทำร้ายเสมอๆ ซึ่งตัวของ รุย ฮาจิมูระ ว่าทีนักบาส NBA คนนี้ก็หนีไม่พ้น
รุย เป็นลูกชายของ มากิโกะ แม่คนประเทศญี่ปุ่นและก็ ซากาปรี่ บิดาที่เป็นชาวเบนินจากทวีปแอฟริกา เขาลืมตามองโลกในปี 1998 ซึ่งนับว่าเป็นปีที่สังคมยังเป็นระบบอนาล็อกไม่เปิดกว้างราวขณะนี้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวบิดาและก็แม่ของเขาก็เลยตั้งชื่อว่า "รุย" ซึ่งในภาษาประเทศญี่ปุ่นหมายความว่า "ป้อม" ชิวิตของเด็กน้อยคนนี้ได้สะท้อนออกมาตั้งแต่ชื่อที่บิดามารดาตั้งให้แล้ว เนื่องจากเจ้าหนูป้อมคนนี้จำเป็นต้องพบกับการดูถูกเชื้อชาติเมื่อจำความได้
"ผมมีความรู้สึกว่าบิดาผมเป็นคนผิวดำผู้เดียวในประเทศประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากพวกเรามองแปลกมากมาย 'แกมันคนผิวดำนี่หว่า ไสหัวไปเลยนะ' นี่เป็นคำที่ผมได้ยินในเวลาที่ผมจะไปขอเพื่อนฝูงๆเล่นบาสเกตบอลด้วย" เขาเล่าชีวิตวัยเด็กให้กับ Bleacher Report
"พวกเขาบางทีก็อาจจะดูผมผิดแผกแตกต่าง แม้กระนั้นชั่งหัวมันผมเคยชินกับมันแล้ว คงจะเป็นเนื่องจากพวกเขาไม่เคยมองเห็นชาวผิวสีอย่างผมมากเท่าไรนัก แม้กระนั้นประสบการณ์ในตอนมัธยมที่ดีๆก็มี ทุกคนดีกับผมมากมายแบบเดียวกัน"
ไม่ว่าจะคนมีชื่อเสียงผู้ใดกันแน่ก็ตามที่มีเชื้อสายแอฟริกันในประเทศญี่ปุ่นพวกเขาชอบเล่าไปในทำนองเดียวกันหมด คนพวกนี้จะถูกคนญี่ปุ่นเรียกกันว่าพวก "ฮะฟุ" (Hafu) รวมทั้งจำนวนมาก ฮะฟุ จะเป็นเป้าสายตาเย้ายวนใจสิ่งต่างๆเสมอ
ถ้าเกิดยังจำกันได้ในปี 2015 ที่ อาเรียนา ไม่ยาโมโตะ ผู้เข้าร่วมการประกวดสาวงามจักรวาลของประเทศญี่ปุ่นที่เป็นลูกเสี้ยวแอฟริกัน-อเมริกัน ยังเคยเล่าว่าหากแม้คุณจะเป็นเด็กสาวแม้กระนั้นการโดนทำร้ายก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เป็นเด็กชายเลย หนำซ้ำเด็กชายนี่แหละที่เป็นข้างแกล้งคุณเสียจำนวนมาก ไม่ใช่หญิงร่วมกัน
"ฉันเคยถูกแกล้งมาตั้งแต่เด็ก ฉันจะต้องมีจิตใจที่อดทนเพิ่มขึ้นไว้รอคุ้มครองป้องกันฉัน ตอนฉันยังเด็ก ฉันมองไม่เหมือนกับผู้อื่นแล้วก็คิดว่าตนเองควรต้องกับทุกๆคนให้ได้ ฉันเพียรพยายามที่จะไม่กลายเป็นจุดสนใจ ฉันต้องการจะปฎิวัติประเด็นนี้" ไม่ยาโมโตะ กล่าว
การจะก้าวผ่านเรื่องเหล่านี้ได้เด็กๆฮะฟุทั้งหลายแหล่ต้องมีสโผลงพจิตใจที่หนักแน่นเป็นสารขึ้นต้น แล้วและก็ตามด้วยการใช้สิ่งที่ตัวเราเองมีทำให้มันเป็นสิ่งที่เหลืออยู่เชื่อกระทั่งผู้ที่เคยดูหมิ่นเหยียดหยามทั้งหลายแหล่อดรนทนไม่ได้ที่จะลุกตบมือให้ ซึ่งตัวของ รุย นั้นรู้เรื่องตรงจุดนี้ดี เขาอยากได้หาที่พึ่งพิงสักทางเพื่อใช้มันแปลงเป็นอาวุธสำหรับในการต่อกรการปฎิบัติที่ไม่สมควรเกิดขึ้นนี้
ตอนแรกเขาเป็นแฟนเบสบอลดังตาของเขา มันก็เลยทำให้เขาฝึกเล่นในตำแหน่งพิทเชอร์ก่อน แต่ว่าต่อไปไม่ท้องนาเมื่อเขาได้หนังสือการ์ตูนเรื่อง "สแลมดังค์" ซึ่งพอเพียงเขาเริ่มเปิดอ่านก็เริ่มหลงใหลกีฬาบาสเกตบอลในทันทีทันใด แล้วก็ที่สำคัญเป็นเขาต้องการจะเป็นนักบาสเกตบอลจริงๆขึ้นมาด้วย
คราวแรกสำหรับการฝึกซ้อมระดับไฮสคูลผู้ฝึกสอน โจจิ ซากาโมโตะ มองเห็นท่าทางของ รุย รวมทั้งรู้สึกตลึงภายหลังการซ้อมกลุ่มคราวแรกสำเร็จลงจากเขาเดินไปชี้หน้าของรุยแล้วก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นจริงเป็นจังว่า "มึงจะได้ไปเล่น NBA"
แม้ว่าจะเป็นคนเชื้อสายแอฟริกันแม้กระนั้นสำหรับตัวของ รุย นั้นเขาเป็นคนประเทศญี่ปุ่นคนหนึ่งนั่นแหละ เขามีความเชื่อที่ว่า NBA เป็นลีกที่มาตรฐานสูงมากมาย แล้วก็ในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นก็มีรุ่นพี่ที่เคยไปถึงระดับ NBA แค่เพียง 2 คนเพียงแค่นั้นโน่นเป็น ยูตะ ตาบุเสะ ที่เคยเล่นให้กับกลุ่ม ฟีนิกซ์ ซันส์ เมื่อ 10 กว่าปีกลาย แล้วก็ ยูตะ วาตาที่นาเบะ ที่เล่นให้กับ เมมฟิส กริซลี่ย์ส ความที่ทั้งคู่มิได้เด่นอะไรนักในลีกชั้น 1 ของโลก เขาก็เลยมีความรู้สึกว่าคงจะยากเกินกว่าที่จะไปถึง แม้กระนั้นก็ไม่เสียหายอะไรที่จะทดลองดู
"ผู้ฝึกสอนชี้มาที่ผมและก็ผมว่าผมจะได้ไปเล่นใน NBA ในเวลานั้นผมยังทึ่มอยู่รวมทั้งผมก็เชื่อที่เขาบอก แต่ว่าสำหรับผู้ฝึกสอนโจจินั้นเขาขมักเขม้นกับสิ่งที่บอกแบบสุดๆเขาซีเรียสกับวิวัฒนาการของผม แล้วก็มันทำให้ผมจะต้องเชื่อเขาแบบสุดหัวใจแม้ว่ามันเกิดเรื่องที่บ้ามากมายๆ" เขาเปิดใจแบบที่ยังไม่ได้อยากจะเชื่อตนเอง
ในที่สุดเมื่ออยู่กับผู้ฝึกสอนที่บ้าพอเพียงแล้วก็เขาก็พร้อมจะบ้าตาม รุย ฮาชิมุระ ความเจริญเล่นของตนเองได้ไวมากมายถึงแม้ว่าฝึกฝนเล่น เว็บ แทงบอล และ คาสิโน SA gaming ตอนอายุ 13 ปี ช่วงต่อไปเขาก็สามารถแปลงเป็นผู้เล่นประวัติศาสตร์ของสถานศึกษา เมเซ ซึ่งสามารถพาทีมครองแชมป์รายการชิงชนะเลิศประเทศ หรือ "อินเตอร์ไฮ" ได้ถึง 3 ยุคซ้อน ซึ่งการได้แชมป์รายการนี้เป็นเสมือนการติดตามฝันของตนเองเสร็จแบบเปลี่ยนๆด้วยเหตุว่าในเรื่องสแลมดังค์นั้น "อินเตอร์ไฮ" เป็นราการกลุ่มกลุ่มสถานศึกษาตนเองของเรื่องอย่าง โชโฮระอุ ทุ่มเททุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่มีเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น หากแม้ท้ายที่สุดแล้งกลุ่มโชโฮระอุจะพลาดเป้าไปกับการตัดจบก็ตาม
ในระยะเวลาที่ความสบายแล้วก็การเป็นผู้เล่นแถวหน้า แม้กระนั้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเหยียดหยามเชื้อชาติรวมทั้งแบ่งผิวในสังคมประเทศญี่ปุ่นก็ยังคงมีให้มองเห็น รุย จำเป็นต้องพบกับสายตาที่พิศดารอยู่เป็นประจำ แม้กระนั้นถึงแบบนั้นเรื่องมันก็มิได้รังควานเขาเรื่องความรู้สึกอะไรจำนวนมากนัก เนื่องจาก รุย มีภาพจำในสมองอยู่เสมอกาลถึงที่ที่เขาควรไปล่าความใหญ่โต รวมทั้งเขามีความรู้สึกว่ามันจะเหมาะสมกับเขาที่สุด ... ไม่ใช่ประเทศญี่ปุ่นไม่ดีแต่ว่าตรงนี้เป็นที่ที่จำเป็นที่จะต้องไป และก็ที่ที่นั้นเป็นมหานครนิวยอร์ค สหรัฐฯ ดินแดนที่ความอิสระและก็เปิดกว้างในทุกความมากมายหลาย
รุย เริ่มฝึกหัดเล่นบาสตอนอายุ 13 ปี แต่ 1 ปีกลายหน้านั้นเขาได้ไปที่ นิวยอร์ค แล้วก็มันเปิดโลกทัศน์ของเขาอย่างแท้จริง นี่เป็นมนุษย์ทุกเชื้อชาติเดินผ่านกันไปเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนเป็นคนเช่นกัน ไม่ว่าจะผิวสีอะไร รวมทั้งเค้าหน้าแบบไหนก็ตาม
รุย เดินทางไปพักร้อนที่ นิวยอร์ค กับครอบครัว ในวันแรกพวกเขานั่งแท็กซี่ดูรอบเมืองนี้ แสงแล้วก็วิถีชีวิตทำให้ รุย ตาลุกตาชันวาว เมื่อถึงที่พักครอบครัวของเขาจะพักสักหลับข้างหลังเดินทางมาร่วม 20 ชั่วโมง แต่ว่าตัวของ รุย ตื่นเต้นเกินกว่าจะหลับตาลงได้ แม้ว่าจะอ่อนแรงเพียงใดเขาจำเป็นจะต้องไปสัมผัสชีวิตนิวยอร์คเกอร์ด้วยตัวเองสักหนึ่งครั้ง เขาเดินออกมาจากห้องและก็เริ่มเร่งฝีเท้าขึ้นเรื่อยโดยจุดหมายของเขาอยู่ที่ "ไทม์สแควร์" โลเคชั่นระดับไฮไลต์ของ นิวยอร์ค
เมื่อมายืนจุดศูนย์กลางไทม์สแควร์เขาเพิ่งจะรู้เรื่องว่าเขามิได้ตื่นเต้นกับดวงไฟงามๆอะไรพวกนั้นหรอก ด้วยเหตุว่าที่ประเทศญี่ปุ่นเองก็มีเขตเมืองที่ขวักไขว่แบบบนี้ แม้กระนั้นเมื่อคนแล้วคนเล่าเดินผ่านเขาไปแบบมิได้พอใจเขา เมื่อนั้นเองมันทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลินใจอย่างแปลก เพราะว่าถ้าหากเป็นที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเขาเดินผ่านใครซักคน จำนวนมากคนๆนั้นจะแลหลังซึ่งพวกเขาคิดเช่นไรในใจนั้นตัวของ รุย ก็ไม่รู้จัก แม้กระนั้นเขาเพียงแค่มีความคิดว่ามันอึดอัดเกินความจำเป็นเพียงแค่นั้น
"ผู้คนในนิวยอร์คมีความมากมายหลากหลายทางเชื้อชาติมากมายๆคนประเทศญี่ปุ่นคล้ายกันหมด แม้กระนั้นที่นิวยอร์คทุกคนผิดแผกแตกต่างแต่ว่าสามารถอยู่ร่วมกันได้ เอาจริงเอาจังๆผมเพียงแค่เดินไปตามถนนหนทางผมก็บันเทิงใจแล้ว มันเป็นสิ่งที่ใหม่สำหรับผมมากมายๆเลย" รุย เล่าถึงตนเองตอนอายุ 12 ปี และก็ตั้งแต่เวลานี้เขามีความคิดว่าไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเขาจึงควรกลับมาอเมริกาให้ได้อีกสักหนึ่งครั้งในอนาคต
ตัวของ รุย เองนั้นภายหลังจากกลับมาก็มานะที่จะยิ้มแย้มและก็อัทธยาศัยดีกับทุกคน แม้กระนั้นภายใต้รอยยิ้มเขารู้ดีว่าผู้อื่นรู้สึกเย็นชากับเขาตลอด สิ่งกลุ่มนี้มันเป็นอะไรซึ่งสามารถสัมผัสได้หากแม้ไม่มีคำกล่าวชี้แจง มันมีต้นเหตุที่เกิดจากคนไม่ใช่น้อยไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมห้อง หรือแม้กระทั้งในขณะที่เขาแปลงเป็นผู้เล่นบาสเกตบอลดาวรุ่งชั้น 1 ของประเทศก็ตาม
"สายตาผู้คนมากยังคงมองดูผมราวกับเป็นตัวอะไรสักอย่าง แล้วก็มันเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องการจะไปล่าฝันที่อเมริกาด้วยตัวเอง ด้วยเหตุว่าที่อเมริกาทุกคนต่างกันหมดแต่ว่าสามารถอยู่ร่วมกันได้ แล้วก็ผมมีความคิดว่าต่างหากที่เป็นที่ของผม"
ในวันที่เขาเอารางวัลผู้เล่นดีที่สุดของญี่ปุ่น ฝันของเขาก็เดินทางมาหาแบบมิได้ตั้งตัว ผู้ฝึกสอน โยสุเกะ ทากาฮาชิ พูดว่าทางมหาวิทยาลัย กอนซาก้า อยากได้ดึงตัวเขาไปร่วมกลุ่ม ... คำแรกที่ รุย ถามเป็น "อะไรเป็นกอนซาก้า?" เขาไม่เคยทราบจริงว่ามันเป็นสถานที่เรียนใดในประเทศประเทศญี่ปุ่น กระทั่งโดนเฉลยคำตอบว่า "กลุ่มมาจากมหาวิทยาลัยในอเมริกา" แค่นั้นล่ะ รุย แทบเก็บกระเป๋าพร้อมบินตั้งแต่คืนนั้นอย่างยิ่งจริงๆ