เดวิด เบ็คแฮม หล่อ…ดัง…อมตะ : ไขรหัสแบรนด์ ทำไมถึงยิ่งใหญ่คงกระพัน?

06/05/2019 ts911hklen 322 views

เดวิด เบ็คแฮม

แม้จะแขวนสตั๊ดไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2013 โดยมี ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง มหาอำนาจแห่งลีกเอิงฝรั่งเศสเป็นสโมสรสุดท้ายในชีวิตค้าแข้งแต่ เดวิด เบ็คแฮม  เทพบุตรสุดหล่อแห่งวงการฟุตบอลยังคงเป็นชื่อที่ขายได้เสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน

เพราะหากคุณสังเกตก็จะเห็นว่าอดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษผู้นี้ยังคงปรากฎโฉมตามหน้าสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณา,ภาพยนตร์ หรือแม้กระทั่งการออกงานอีเวนท์ พนันแบดมินตัน ต่างๆอย่างต่อเนื่องจนผู้คนคุ้นหน้าและชื่อของเขามากกว่านักกีฬาในยุคปัจจุบันหลายๆ คนเสียด้วยซ้ำไม่ต้องสงสัยเลยว่า แบรนด์ “เดวิด เบ็คแฮม” ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่แข็มแกร่งที่สุดของโลก แต่เหตุใดที่ทำให้ชื่อนี้ยังคงโดดเด่นอย่างเข้มแข็ง แม้เขาจะอำลาบทบาทที่สร้างชื่อไปครึ่งทศวรรษแล้วก็ตามกัน?

ทุกวันนี้นอกจากการปั้นสโมสร อินเตอร์ ไมอามี่ เพื่อลงเล่นในเมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ หรือ MLS ในฤดูกาล2020แล้ว เจ้าตัวยังเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์รวมถึงเป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าหลายยี่ห้อจากหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็น adidas แบรนด์เสื้อผ้ากีฬาคู่บุญตั้งแต่สมัยยังค้าแข้ง, เสื้อผ้าแฟชั่น H&M, นาฬิกา TUDOR, บริษัทประกันชีวิต AIA และหากจะนับแบรนด์อื่นๆทั้งในอดีตและปัจจุบันบอกได้เลยว่านับไม่หวาดไม่ไหว

แม้จะแขวนสตั๊ดไปแล้ว 5ปี แต่หลายคนอาจไม่เชื่อว่า ทุกวันนี้มีเงินเข้าบัญชีของเบ็คแฮมอย่างสม่ำเสมอเดือนละกว่า 1.2 ล้านปอนด์ หรือ 51 ล้านบาท หรือคิดให้น่าทึ่งกว่านั้น ใน 1 วัน เขาจะมีรายได้ถึงราว 40,000 ปอนด์ หรือ 1.7 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งมากกว่าค่าเหนื่อยสมัยที่เจ้าตัวเป็นนักเตะเสียอีก

ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าตัวยังเปิดตัวธุรกิจหลายอย่างทั้งที่ใช้ชื่อ “เดวิด เบ็คแฮม” และแบรนด์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า, น้ำหอม, เครื่องประดับ แม้กระทั่ง วิสกี้ ก็มีเช่นกัน

ด้วยจำนวนสินค้าที่มีตัวเขาปรากฎโฉมมากมายเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่เทพบุตรลูกหนังรายนี้จะมีบริษัทที่ดูแลกิจการต่างๆ ของเขาหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Seven Global LLP ที่ดูแลกิจการเสื้อผ้า,เครื่องประดับ รวมถึงน้ำหอมซึ่งเจ้าตัวเปิดกิจการเอง รวมถึงที่ขายภายใต้แบรนด์ที่เซ็นสัญญาไว้, Footwork Productions ที่ดูแลเรื่องการใช้ชื่อรวมถึงลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ ทั้งสองบริษัทต่างอยู่ภายใต้ร่มเงาของบริษัท DB Ventures ซึ่งมี Beckham Brand Holdings ควบคุมทุกอย่างอยู่ด้านบนสุด แต่ไม่ว่าบริษัทไหน ต่างเกิดขึ้นภายใต้วัตถุประสงค์เดียวกัน คือ“แสวงหาผลประโยชน์จากชื่อและลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ของ เบ็คแฮม”โดยเฉพาะ ซึ่งมูลค่าของบริษัทที่ดูแลสิทธิประโยชน์ให้เบ็คแฮมในปัจจุบันสูงถึง 339 ล้านปอนด์ หรือ 14,400 ล้านบาท

เดวิด เบ็คแฮม

แน่นอนว่า กว่าที่เบ็คแฮมจะกลายเป็นไอค่อนของคนทั่วโลกจนมีรายได้มหาศาลเขาย่อมต้องผ่านอะไรมามากมาย ซึ่งเรื่องดังกล่าว “บิ๊กจ๊ะ” สาธิต กรีกุล ผู้ประกาศข่าวกีฬา สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 รวมถึงผู้บรรยายกีฬาชื่อดัง ที่ติดตามพัฒนาการของอดีตนักเตะผู้นี้ตั้งแต่สมัยยังเป็นดาวรุ่งกล่าวว่า“หลายคนอาจจะบอกว่า เบ็คแฮม ไม่ใช่นักฟุตบอลที่มีทักษะอันเป็นเลิศเมื่อเทียบกับหลายๆ คน แต่จุดเด่นของเขาคือ ความพยายาม เพราะไม่ว่าเบ็คแฮมจะเจอกับเรื่องยากลำบากในชีวิตแค่ไหน ที่สุดแล้วเขาก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้เสมอจนทุกคนยอมรับในตัวเขาไปด้วย”

และในตอนที่ย้ายไปค้าแข้งกับต้นสังกัดอื่น เบ็คแฮมก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้เช่นกันโดยเฉพาะตอนเล่นกับ เรอัล มาดริด ซึ่งปีสุดท้ายของเจ้าตัวในฤดูกาล 2006/07 เขาถูก ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือของทีมในตอนนั้นจับดองอยู่ข้างสนาม แต่สถานการณ์ที่คับขันของทีม ก็ทำให้กุนซือชาวอิตาเลียนต้องใช้งานสตาร์ดังชาวอังกฤษคนนี้ ซึ่งเขาก็ช่วยให้ทีมราชันชุดขาวคว้าแชมป์ลาลีกา เป็นแชมป์แรกและแชมป์เดียวในการค้าแข้งที่สเปนได้สำเร็จ

ซึ่งหากจะนับเรื่องราวการพิสูจน์ตัวเองผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากของผู้ชายคนนี้ ถือว่าเยอะแยะมากมายเริ่มตั้งแต่ตอนที่ เข้า TS911 ไม่ได้ เขาตกเป็นแพะรับบาปจากการโดนใบแดงในเกมที่ทีมชาติอังกฤษตกรอบ 16 ทีม ฟุตบอลโลก 1998 เขาก็กลับมาด้วยการนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้นสังกัดแจ้งเกิดคว้า 3 แชมป์ในปีถัดมารวมถึงซัดฟรีคิกสำคัญนำทีมสิงโตคำรามไปเล่นฟุตบอลโลก 2002 รอบสุดท้ายจนทุกคนยกให้เขาเป็นฮีโร่ของชาติโดยไม่มีข้อแม้

นอกจากนั้นต้องไม่ลืมว่าเบ็คแฮมถือเป็นนักเตะอีกรายที่มีหน้าตาหล่อเหลาวางตัวได้ถูกกาลเทศะเป็นมิตรกับแทบทุกคน รวมถึงทำงานการกุศลอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกับ UNICEF ที่เจ้าตัวเป็นทูตให้ตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเตะ เรื่องที่กล่าวมาถือเป็นปัจจัยเสริมสำคัญที่ทำให้“ออร่าซูเปอร์สตาร์”ของเจ้าตัวแจ่มชัดยิ่งขึ้น แม้จะเคยมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับ วิคตอเรีย ภรรยาจากปัญหามือที่ 3 อยู่บ้าง แต่ที่สุดแล้วเขาก็สามารถฝ่าฟันจากสถานการณ์ปัญหาต่างๆได้ทุกครั้งซึ่งนั่นช่วยให้ภาพลักษณ์ของเขามีความแข็งแกร่งมากๆ เช่นกัน

ประวัติชีวิตที่ผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาแล้วนับไม่ถ้วน ภาพลักษณ์ส่วนตัวและครอบครัวที่แทบไร้ที่ติ สนิทสนมกับบุคคลดังๆ ที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และความโด่งดัง รวมกับการตระหนักรู้ตนเองเสมอว่า ควรทำอย่างไรถึงจะตกเป็นที่สนใจของสังคมอยู่เสมอ คือสิ่งที่ทำให้ตัวตนและแบรนด์ เดวิด เบ็คแฮม ยังคงเข้มแข็งเสมอแม้ไม่ได้สวมสตั๊ดเป็นนักฟุตบอลอาชีพอีกแล้วก็ตาม

แม้ปัจจุบันจะปรากฎข่าวลือแปลกๆ บนหน้าสื่ออย่าง Daily Mail ว่า เบ็คแฮมเตรียมแยกทางกับ ไซม่อน ฟูลเลอร์ ชายผู้ปั้นแบรนด์ของตัวเขาให้มีชื่อเสียง เพื่อดูแลเรื่องนี้ด้วยตนเอง ซึ่งจะทำให้มีอิสระในการทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น แต่ด้วยการสั่งสมประสบการณ์มายาวนาน รวมถึงมีมิตรสหายอีกมากที่พร้อมให้การสนับสนุน เราจึงเชื่อว่า แบรนด์เบ็คแฮมก็ยังจะคงเข้มแข็ง เป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลกเช่นเดิม

และที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ เบ็คแฮมที่แปรสภาพตัวเองจากนักฟุตบอล สู่นักธุรกิจและป้ายโฆษณาที่มีชีวิตอย่างเต็มตัวนี้ จะสามารถผลักดันแบรนด์ของเขาไปได้ไกลอีกแค่ไหน ซึ่งไม่ว่าอย่างไร คนที่ได้ประโยชน์ รวมถึงรับทรัพย์แบบเนื้อๆ ที่สุด ก็หนีไม่พ้น เบ็คแฮม อยู่ดี

แชร์เรื่องนี้
Tags : , , , ,
แสดงความคิดเห็น