เอ๋ จิตรเมืองนนท์ : ผู้ดูแลค่ายมวยไทยแถวหน้าของประเทศ

13/08/2019 ts911hklen 762 views

เอ๋ จิตรเมืองนนท์ : ผู้ดูแลค่ายมวยไทยแถวหน้าของประเทศ

จิตรเมืองนนท์ เป็นค่ายที่แฟนคลับรวมทั้งคนภายในแวดวงมวยไทยรู้จักกันอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากว่านี่เป็นค่ายที่ปลุกปั้นนักต่อยแม่เหล็กค่าตอบแทนเรือนแสนเรือนล้าน หลายต่อหลายรายส่งต่อยอีกทั้งด้านในรวมทั้งต่างถิ่นโดยผู้กระทำหน้าที่สำคัญสำหรับเพื่อการดูแลทุกสิ่งด้านในค่ายฝึกมวยที่นี้ ไม่ใช่เพศชายที่มากด้วยอิทธิพลหรือบารมีใดๆก็ตามแม้กระนั้นเป็นเพียงแค่สตรีปกติคนหนึ่ง สุนทรี โลหะพืช หรือ เอ๋ จิตรเมืองนนท์

เอ๋ จิตรเมืองนนท์

จากผู้ที่มองมวยไม่ค่อยเป็น วันหนึ่ง เอ๋ จิตรเมืองนนท์ จำเป็นต้องมาดำเนินการสุดกำลังกับมวย โดยหน้าที่ของคุณ เป็น มองความเรียบร้อยต่างๆรวมทั้งจัดแจงเรื่องค่าครองชีพ ด้านในค่าย พร้อมกันกับเป็นเพื่อนคู่ซี้ผัว สำหรับในการตกลงใจประเด็นการเลือกนักมวย เข้าขึ้นตรงต่อ ที่มิได้วัดเรื่องความเก่งกล้าไหมเก่ง แต่ว่าเลือกจากสัญชาตญาณของนักมวยยามอยู่บนสังเวียน

“เอ๋ ย้ำหัวใจสิ่งเดียว ความสามารถไม่มีความจำเป็น เพราะว่าพวกเราสร้างได้ เวลาพวกเราไปดูมวย พวกเรามิได้ไปดูมวยชนะนะ บางบุคคลที่พวกเราเอามา เขาสู้ไม่ได้เลย แม้กระนั้นถึงโดนต่อยขนาดนั้น ก็ไม่ยินยอมทิ้งตัว หมายความว่าเด็กคนนี้หัวใจมันได้ พินิจได้เลยว่า นักมวยพวกเราจะเป็นเด็กที่ดวงใจสู้ทุกคน”

“หัวใจเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเกิดเขาดวงใจไม่สู้ มีคนมากล่าวน้อยมากว่า ‘สู้ไม่ได้หรอก จะไหวไหม ?” ได้ยินเท่านี้ก็ยอมแพ้ไปครึ่งเดียวแล้ว ส่วนคนดวงใจสู้ เขาจะไม่สนใจคำบอกเล่าคนอื่นๆ เพราะฉะนั้นผู้ใดกันจะมาอยู่ค่ายพวกเรา กระดูก (ซึ่งก็คือ ประสบการณ์) ไม่ต้อง ขอหัวใจสิ่งเดียว เนื่องจากพวกเราใช้คำกล่าว ใช้หัวใจ เสริมด้วยความแข็งแกร่งด้านร่างกาย เด็กจำต้องปรับปรุงแน่ๆ”

“สิ่งที่พวกเราต่างกันกับค่ายอื่นแน่ชัดเลยในสมัยนั้น เป็น พวกเราไม่หักค่าจ้างเด็กเข้าค่าย ที่ผ่านมา ในแวดวงมวย จำนวนมาก นักมวยจะถูกหักค่าตอบแทนราวๆกึ่งหนึ่งเข้าค่าย แม้กระนั้นพวกเราไม่ทำอย่างนั้น การอยู่การกิน การฝึกหัด ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างก็เลยเป็นรายจ่ายของพวกเราทั้งหมดทั้งปวง”

“พวกเรามิได้เลี้ยงเขา แบบผู้รับจ้าง-นายจ้าง แม้กระนั้นพวกเราเลี้ยงนักมวยทุกคนราวกับเป็นลูกของพวกเรา นักมวยทุกคนที่ขึ้นไปต่อย ไม่ว่าจะแพ้ลงมาแบบไหน พวกเราจะไม่ดุ ไม่ตบตีเขา ครั้งคราวนักมวยแพ้ แม้กระนั้นต่อยได้สมศักดิ์ศรี เอ๋ให้ทิปเขาด้วย เพราะว่าเอ๋รู้สึกว่าเขาเป็นลูก ก็เสมือนบิดามารดามอบเงินลูก จับจ่ายซื้อของเล่นให้ลูก คือเรื่องธรรดา”

จิตรเมืองนันท์ สร้างบรรทัดฐานใหม่แก่วงการมวยไทย ด้วยการเป็นค่ายฝึกซ้อมมวยแถวหน้า ที่ไม่หักค่าจ้างนักมวยเข้าขึ้นอยู่กับแม้กระทั้งบาทเดียว เพื่อนักมวยมีรายได้ครบถ้วน

ทำให้ บรรดาค่ายฝึกซ้อมมวยภูธรตามชนบท แล้วก็บิดามารดาผู้ดูแล ต่างไว้ใจที่จะส่งนักต่อย, บุตรหลานเข้ามาอยู่สำหรับในการดูแลของค่าย “จิตรเมืองความรื่นเริง” ภายใต้การเลี้ยงอย่างใกล้ชิดของ อ้วน-เอ๋ เมืองความยินดี คู่ชีวิตที่นักมวยทุกคนในค่าย เรียกแทนเขาทั้งสองว่า “บิดารวมทั้งแม่”

“จริงๆเอ๋ไม่เคยบอกให้เด็กเรียกว่า แม่นะ อย่างพี่อ้วน เวลาอยู่ต่อหน้าต่อตาเด็ก เขาเรียกเอ๋ว่า ‘พี่สาว’ แต่ว่าเด็กเขาอาจเชื่อถือพวกเรากับพี่อ้วนมากมาย และก็รู้ดีว่าเรารักเขาเสมือนลูกจริงๆก็เลยเรียกพวกเราว่า “แม่” แล้วก็เรียกพี่อ้วนว่า ‘บิดา’ ทั้งๆที่ในตอนที่เริ่มทำค่ายฝึกมวย เอ๋ พึ่งจะอายุ 20 กว่าๆเอง มิได้แก่ถึงขั้นจะเป็นแม่ของเขาได้”

“แต่ว่าพวกเราสองคนเลี้ยงนักมวยแบบลูกจริงๆเอ๋ไม่เคยห้ามลูก (นักมวย) เลยนะ ไม่ว่าลูกจะทำอะไร ขอสิ่งเดียวตอนใกล้รายการ ก่อนต่อย 2 อาทิตย์ หรือ 10 วันสุดท้าย ให้มานอนค่าย เรื่องอื่นก็ไม่เคยห้ามเขา บอกเพียงแค่ให้เขาดูแลตนเองให้ดี ให้เขาต่อยในน้ำหนักเท่าที่เขาไหว ไม่อยากให้เด็กบีบจนถึงเหลือเกิน”

“พวกเราน่าจะเป็นค่ายเดียวนะ ที่นักมวยกับหัวหน้าแผนก มีความเกี่ยวพันแบบ บิดามารดา-ลูก ไม่ใช่นายจ้างลูกน้อง เพียงพอพวกเราใช้ดวงใจเลี้ยงเขา มิได้ใช้อิทธิพลบังคับเสมือนเขาเป็นขี้ข้า เขาก็สู้เพื่อพวกเรา โดยที่ไม่ต้องไปบังคับเลย”

กิตติศัพท์ของค่ายจิตรเมืองความสนุก เริ่มเบาๆดังขึ้นมาอย่างสม่ำเสมอ จากสไตล์การต่อยของนักมวยในสังกัด ที่ไม่เอาเทียบคนจัดรวมทั้งผู้ชม จนกระทั่งทำให้ชื่อนักมวยในสังกัดหลายรายมีชื่อเสียงขึ้นมาเป็นมวยแถวหน้าของเมืองไทย

เอ๋ จิตรเมืองนนท์

ไม่ว่าจะเป็น หนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองความยินดี, ยอดพนมรุ้งกินน้ำ จิตรเมืองความยินดี, เขี้ยวพยัคฆี จิตรเมืองความยินดี, สะแกงาม จิตรเมืองความยินดี, เพชรมหาชน จิตรเมืองความรื่นเริง, เพชรนรินทร์ จิตรเมืองความสนุก, ซุปเปอร์เล็ก จิตรเมืองนันท์, กุมารทองคำ-กุมารเงิน จิตรเมืองความสนุก รวมทั้ง รถถัง จิตรเมืองความรื่นเริง แชมป์โลกมวยไทย รุ่นฟลายเวท One Championship

รวมทั้งที่สุดของอาชีพนักมวยไทย รางวัล “ยอดมวยถ้วยพระราชทาน” จากสโมสรผู้รายงานข่าวกีฬาที่เมืองไทย ที่เป็นของ “พันธ์ุเสือ จิตรเมืองความรื่นเริง” ในตอนปี พุทธศักราช2556-2558 พร้อมขึ้นชื่อว่าเป็น นักมวยไทยประวัติศาสตร์คนแรกซึ่งสามารถครอบครองถ้วยพระราชทาน 3 ปีต่อเนื่องกัน

“กระบวนการทำค่ายซ้อมมวยเป็นงานที่จำเป็นต้องทุ่มเทอย่างยิ่ง ไม่ใช่งานที่ถึงเวลาจะโทรสั่งให้ผู้ใดทำก็ได้ เพราะว่านักมวยทุกคนมีความรู้สึก มีหัวหัวใจ และก็ปรารถนาให้พวกเราใส่ใจ พวกเราจะต้องเข้าให้ถึงหัวใจเขาทุกคน จำต้องทราบให้ได้ว่า เขาคิดเรื่องอะไรอยู่ อย่าไม่มีความสนใจเขา เอ๋ถึงเห็นว่า เรื่องหัวใจเป็นเรื่องจำเป็นมากมาย แล้วก็ทำให้เด็กยังต้องการอยู่กับค่ายพวกเราจนถึงทุกวันนี้”

ตอนเวลาสายวันอาทิตย์ที่ 4 มี.ค. 2561 เอ๋ สุนทรี แล้วก็ อ้วน สุระเนตร ตื่นลืมตาขึ้นมา แล้วก็ดำรงชีวิตราวกับทุกวี่วัน โดยไม่มีผู้ใดทราบเลยว่านี่เป็นวันสุดท้ายของผู้เป็นผัว

“วันนั้นช่วงแรกพี่อ้วน จะขอออกไปดูมวยภายนอก แต่ว่าเสมือนพวกเรามีเซนส์ ก็บอกเขาว่า ‘คุณไม่ไปได้ไหม อยู่กับฉันเถิดวันนี้’ เขาก็ตามใจพวกเรา จนกระทั่งตอนเวลาบ่าย ระหว่างกำลังนั่งรอดู มวยช่อง 7 เขากำเนิดอาการแน่นหน้าอกขึ้นมา แล้วกล่าวขึ้นว่า ‘ฉันไม่ไหวแล้ว วันนี้ฉันถูกตายแน่นอน’ ข้อเท็จจริงทุกคนในบ้านรับทราบกันอยู่แล้วว่า พี่อ้วน สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง แต่ว่าเขาเป็นคนจิตใจแข็ง ไม่ยินยอมไปพบแพทย์ ไม่ยินยอมตรวจร่างกาย จะเพียรพยายามหายด้วยตัวเอง”

“ครู่หนึ่งหนึ่ง แกวิ่งขึ้นเขาบ้าน ไปใส่หน้ากากอ๊อกซิเจน เนื่องจากที่บ้านมีเครื่องนี้ของแม่อยู่ เขาก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด เอ๋วิงวอนให้พี่อ้วนไปพบแพทย์ เขาก็บอกให้ เอ๋ ไปเปลี่ยนแปลงชุดและก็ขับขี่รถพาไปหน่อย ระหว่างที่น้องชายเอ๋ พาเขาลงจากบันได เพียงพอถึงบันไดขั้นท้ายสุด เขาก็บอกกับน้องชายเอ๋ว่า ‘อย่าปลดปล่อยพี่นะ พี่ไม่ไหวแล้ว’ แล้วเขาก็ช็อกสลบ กัดลิ้นตนเอง แขนขาเกร็งไปทั้วตัว ทุกคนตระหนกตกใจกันมากมาย รีบพาเขาไปส่งโรงหมอ”

อ้วน เมืองความรื่นเริง มิได้เป็นเพียงแต่ผัวของ เอ๋ สุนทรี แม้กระนั้นเขายังเป็นเสาหลักของครอบครัว และก็ค่ายซ้อม มวยไทย ts911 จิตรเมืองนันท์ นี่ก็เลยเป็นข่าวร้ายที่ไม่มีผู้ใดอยากได้ยิน

ข้างหลังถึงมือหมอ หัวใจของ เอ๋ เมืองความยินดี เมียยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อได้รู้ผลารตรวจของผัวว่า “ม่านตาไม่สนองตอบ” ถ้าปั๊มหัวใจขึ้นมา อ้วน เมืองความยินดี จำเป็นที่จะต้องตื่นมาและก็เปลี่ยนเป็น พระราชโอรสนิทรา

เมื่อโอกาสสำหรับการยื้อชีวิต บุคคลอันเป็นสุดที่รักเหลือเพียงแค่ทางเดียว คุณหนักแน่นในคำตอบนั้น เพื่อแฟนได้มีชีวิตอยู่ถัดไป แม้ว่าการปั๊มจะไม่เป็นผลสำเร็จ และก็ลมหายใจของ ผัว เบาๆโรยริน ร่างกายเริ่มไม่รู้ตัว แม้กระนั้นมือของเขา ยังคงกำมือของเมียไว้อย่างสนิทแน่น จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต

“เอ๋เกิดขึ้นมาครึ่งชีวิต เอ๋ไม่เคยพบเพศชายคนใดกันแน่ที่ดีพอๆกับเขามาก่อน เขาเป็นคนดีมากมายๆและก็ทุกคนในแวดวงมวยก็รักเขา เขาสามารถทำให้นักมวยต่างศึกต่างสายผ่านมาต่อยกันได้ ทำให้คนภายในแวดวงที่เคยทะเลาะกันกลับมาคืนดีกันได้”

“ที่สำคัญเขาดูแลครอบครัว ลูกๆ(นักมวย) เมีย ลูกพี่ลูกน้องเขาทั้งปวง โดยไม่ทิ้งให้คนใดกันตรากตรำ เขาทำทุกๆอย่างได้ด้วยคนๆเดียว เวลาที่ทราบดีว่าเขาเสียชีวิต เอ๋ ยอมแล้ว เอ๋ไม่อาจจะแทนที่พี่อ้วนได้หรอก เอ๋ จะต้องเอาผ้าปิดตาเวลาร้องไห้ ไม่อยากที่จะให้คนใดมองเห็นน้ำตา ไม่อยากที่จะให้คนใดมีความเห็นว่าพวกเราอ่อนแอ ในขณะที่ เอ๋ ช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากว่าพี่อ้วนจากไปไวมากมาย ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จากที่คุยกันธรรมดา”

“พวกเราดำเนินชีวิตคู่กันมา 16-17 ปี พวกเราไม่เคยห่างกันเลย ดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกัน 1 วัน พวกเราทำใจไม่ได้ที่จริงแล้วพวกเราจำต้องจัดแจงพิธีการฝังศพข้างในวันนั้นเลย นักมวยก็มากันเต็มมัสยิด พวกเราจะร้องไห้ก็ร้องมิได้ เพราะเหตุว่าวงศาคณาญาติเขากล่าวว่า ถ้าหากเมียร้องไห้ ผัวที่เสียชีวิตไป จะจากไปอย่างไม่สงบ”

แชร์เรื่องนี้
Tags : , , , , , , , , , , ,
แสดงความคิดเห็น