โอลิมปิก 2020 : ทัวร์นาเมนต์แห่งการรักษ์โลก

10/08/2019 ts911hklen 520 views

โอลิมปิก 2020 : ทัวร์นาเมนต์แห่งการรักษ์โลก

นี่คือมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเป็นมิตรต่อโลกมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา โอลิมปิก 2020

โอลิมปิก 2020

ปัจจุบันเป็นการที่คลื่นความร้อนที่แผ่ไปทั่วทวีปยุโรป ได้มีผลทำให้น้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์ที่อยู่ทางทางเหนือสุดของโลก ละลายอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งมีน้ำถึง 197,000 ล้านตัน ไหลลงห้วงสมุทรเฉพาะกรกฎาคม ซึ่งทำให้ระดับน้ำทะเลสูงมากขึ้น 0.28 มม. รวมทั้งเพื่อไม่ให้โลกของพวกเราจำเป็นต้องระบมไปกว่านี้ใน โอลิมปิก 2020 ที่เมืองโตเกียวจะได้เป็นเจ้าภาพเป็นครั้งที่ 2 พวกเขาได้คำสัญญาว่า ทัวร์นาเมนต์จะเป็นการแข่งสุดที่รักษ์โลกที่สุด

ประเทศญี่ปุ่นมีปรัชญาสำหรับในการดำเนินงานที่เรียกว่า “ไคเซ็น” มันเป็นอุบายดูแลงานแบบชาวอาทิตย์อุทัย ที่เป็นเยี่ยมในกุญแจสำคัญที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่น ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมทั้งอิเล็กโทรนิกส์ในตอนทศวรรษที่ 1970

หลักสำคัญของปรัชญาไคเซ็น เป็นการมีส่วนร่วมของทุกคน เพื่อปรับแก้ประสิทธิภาพให้ดีขึ้นโดยตลอด ทั้งยังในด้านผลิตภัณฑ์แล้วก็การบริการ แล้วก็แน่ๆ สิ่งนี้ได้ตั้งหลักปักฐานลึกอยู่ในความนึกคิดของชาวญี่ปุ่น

ในฐานะที่ประเทศญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพจัดแจงชิงชัยโอลิมปิกหน้าร้อน ครั้งที่ 2 พวกเขาก็เลยวางเป้าที่จะทำให้การประลองคราวนี้ ดียิ่งกว่าในระหว่างที่ได้เป็นเจ้าภาพคราวแรกเมื่อปี 1964 รวมทั้งดียิ่งกว่าโอลิมปิกครั้งที่ผ่านมา รวมทั้งแนวความคิดหลักสำหรับคราวนี้เป็นการเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ดีต่อสภาพสิ่งแวดล้อมให้สูงที่สุด

“ด้วยปัญหาเกี่ยวกับการเปลี่ยนของสภาพภูมิอากาศ การหยุดการปลดปล่อยคาร์บอน นับว่าเป็นหัวข้อหลักที่สุดในสุดยอด” ยูกิ อาราตะ ผู้อำนวยการข้างปรับปรุงอย่างยั่งยืน เมืองโตเกียว 2020 กล่าวกับ Japan Times

“กติกาที่กรุงปารีส มีเป้าหมายให้ลดการปลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ด้านในปี 2020 แต่ว่าเนื่องผู้คนยังอาศัยอยู่ในสังคมแบบใหม่ ก็เลยไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะไม่มีการปลดปล่อยแก๊สปรากฏการณ์เรือนกระจกเลย สิ่งจำเป็นเป็นพวกเราสามารถตรวจตราแก๊สปรากฏการณ์เรือนกระจกที่ถูกปลดปล่อยออกมาได้ และก็หาทางเพื่อเลี่ยงหรือลดมัน”

จากสถิติกล่าวว่าสำหรับการแข่งโอลิมปิก 2012 ที่ลอนดอน มีการปลดปล่อยคาร์บอน เป็นปริมาณถึง 3.45 ล้านตัน ส่วนโอลิมปิก 2016 ที่ริโอก็ไม่น้อยหน้า เมื่อมีคาร์บอนถูกปลดปล่อยออกมาถึง 3.56 ล้านตัน รวมทั้งโอลิมปิกคราวนี้คาดกันว่าจะมีคาร์บอนถูกปลดปล่อยออกมา 3.01 ล้านตัน หากว่าไม่มีมาตรการพิเศษสำหรับจัดแจง

ทำให้โอลิมปิก 2020 มีเป้าหมายสำคัญเป็นการลดการปลดปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ในระหว่างการประลอง

ซึ่งแผนดังที่กล่าวผ่านมาแล้วยังสอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน 17 ข้อของสหประชาชนว่ากล่าว ที่เน้นแก้ปัญหาต่างๆของโลก รวมถึงปัญหาเรื่องการเปลี่ยนของสภาพภูมิอากาศ

รายการนี้ก็เลยมีแผนการที่จะนำพลังงานตอบแทนมาใช้อย่างสุดกำลัง โดยจะใช้พลังงานลมแล้วก็พลังงานจากแสงอาทิตย์ เป็นพลังงานหลักสำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าที่ใช้เพื่อการชิงชัยแล้วก็หมู่บ้านนักกีฬา

พวกเขายังได้สร้างถนนพลังงานจากแสงอาทิตย์ ที่จัดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ไว้บนถนนหนทาง แล้วก็ฉาบด้วยยาง ที่ทำให้ถนนหนทางที่นี้สามารถใช้เพื่อการเดินทางได้จริง แถมยังผลิตกำลังไฟฟ้าไว้ใช้เพื่อสำหรับในการชิงชัยได้อีกด้วย

“พวกเรามีแผนในการที่จะเพิ่มมาตรการใช้พลังงานน้อยลง แล้วก็แนวทางลดการใช้คาร์บอนไดออกไซด์สำหรับในการจัดแจงสนามรวมทั้งในระหว่างเกมการแข่งขันชิงชัย จะใช้พลังงานตอบแทนจากการลดการใช้นั้น” อาราตะเสริม

รัฐบาลกรุงเมืองโตเกียว ยังได้ร่วมกับฝ่ายจัดการแข่งให้เครดิตในแผนการ Cap-and-trade (การขายของโควต้าสำหรับในการปลดปล่อยก๊าสสภาวะเรือนกระจก ที่รัฐบาลจะเป็นผู้กำหนดโควต้าการปลดปล่อยก๊าสของแต่ละโรงงาน แม้โรงงานไหนไม่ถึงก็สามารถนำโควต้าไปขายได้) เพื่อทดแทนการปลดปล่อยแก๊สสภาวะเรือนกระจกที่เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันชิงชัย

อย่างไรก็แล้วแต่ สำหรับการชิงชัยกีฬาชอบมีนักกีฬา สต๊าฟผู้ฝึกสอน รวมทั้งข้าราชการนับพัน รวมถึงกองเชียร์อีกนับล้านคน ที่เดินทางมาดูการประลอง ก็เลยหลบหลีกมิได้ที่จะทำให้มีการเกิดการปลดปล่อยคาร์บอนในระหว่างทัวร์นาเมนต์

โอลิมปิก 2020

“โอลิมปิกรวมทั้งพาราลิมปิก เป็นการแข่งกีฬาขนาดใหญ่ การปลดปล่อยแก๊สคาร์บอนจากนักกีฬานับพัน และก็กองเชียร์เป็นล้านๆก็เลยมิได้เกิดเรื่องเล็กๆแม้กระนั้นความเป็นประเทศญี่ปุ่น พวกเรามองเห็นจังหวะสำคัญที่จะทำให้เห็นว่าพวกเราจะลดก๊าสสภาวะเรือนกระจกได้เช่นไร”

ปฎิเสธมิได้ว่าเหรียญรางวัล เป็นเครื่องหมายของการบรรลุผลในกีฬาโอลิมปิก ซึ่งตามขนบธรรมเนียมจะมอบให้กับผู้ชนะเลิศ รองชนะเลิศ รวมทั้งชั้น 3 ซึ่งสำหรับการชิงชัยแต่ละครั้ง ผู้จัดงานควรต้องผลิตเหรียญมากยิ่งกว่า 5,000 เหรียญ เพื่อมอบให้กับนักกีฬา

ในเวลาเดียวกันโลกก็กำลังประสบปัญหาขยะอิเล็กโทรนิกส์ล้นที่เก็บ จากข้อมูลของกรีนพีชยังบอกว่าข้างในปี 2021 โลกจะมีขยะอิเล็กโทรนิกส์มากถึง 52.2 ล้านตัน ซึ่งสร้างผลพวงต่อสภาพแวดล้อมมากมายก่ายกอง จากสารเคมีที่เป็นพิษที่ลอยไปสู่ชั้นบรรยากาศ

ทำให้สำหรับในการชิงชัยคราวนี้ผู้จัดงานเลือกที่จะใช้แนวทางยิงปืนนัดหมายเดียวได้นกสองตัว ด้วยการนำขยะอิเล็กโทรนิกส์มารีไซเคิล เป็นเหรียญรางวัล ที่ได้ทั้งยังการลดขยะ รวมทั้งให้โอกาสให้ราษฎรมีส่วนร่วมไปพร้อม

“ไอเดียการใช้โลหะรีไซเคิลมาทำเป็นเหรียญรางวัล เคยถูกใช้มาก่อนในสมัยก่อน แม้กระนั้นโครงงานนี้จะมีผลให้เมืองโตเกียว 2020 เป็นโอลิมปิก และก็พาราลิมปิก หนแรกในประวัติศาสตร์ ที่พลเมืองมีส่วนร่วมสำหรับในการสะสมสิ่งของอิเล็กโทรนิกส์ เพื่อนำมาทำเป็นเหรียญรางวัล รวมทั้งผลิตเหรียญจากทองคำสกัด” เว็บ เมืองโตเกียว 2020 กำหนด

เพื่อพสกนิกรได้มีส่วนร่วม พวกเขาได้ตั้งกล่องรับบริจาค วัสดุอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ ที่รับทั้งยังโทรศัพท์แบบฝาพับ สมาร์ทโฟน กล้องถ่ายภาพดิจิตอล แท็บเล็ต แล้วก็คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ไว้ตามจุดต่างๆทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่ปี 2017

“โครงงานนี้จะก่อให้คนญี่ปุ่น มีส่วนร่วมสำหรับในการสร้างเหรียญรางวัลจริงๆ” วัวจิ มุโรฟุชิ ผู้อำนวยการกีฬา โอลิมปิก 2020 แถลงการณ์ในงานแถลงข่าวเมื่อปี 2017

“ทรัพยากรบนโลกของพวกเราเริ่มจะมีอย่างจำกัดจำเขี่ย แนวทางการรีไซเคิล เป็นสิ่งที่ทำให้เรานึกถึงสภาพแวดล้อม”

“การที่ราษฎรมีส่วนร่วมในแผนการนี้ จะก่อให้พวกเขาตระหนักถึงปัญหาด้านการเวียนทรัพยากร ที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อพวกเขา ที่ทำอะไรกับมัน” อาราตะชี้แจงเสริม

ภายหลังจากปิดรับไปเมื่อมีนาคม 2019 พวกเขาสามารถเก็บโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ถึง 6.2 ล้านเครื่อง รวมทั้งเครื่องไม้เครื่องมืออิเล็กโทรนิกส์ 79,000 ตัน ที่สามารถสกัดทองคำออกมาได้ถึง 32 โล, เงิน 4,100 กิโล รวมทั้งทองแดงอีก 2,700 กิโล

ไม่เพียงแค่เหรียญรางวัลเพียงแค่นั้น ที่ทำจากอุปกรณ์รีไซเคิล เมื่อชุดแข่งขัน สมัครบาคาร่า อย่างเป็นทางการของนักกีฬากลุ่มชาติประเทศญี่ปุ่นสำหรับในการแข่งคราวนี้ ก็จะทำจากเสื้อเก่าที่เปิดรับบริจาคจากทั่วราชอาณาจักรด้วยเหมือนกัน

Asics บริษัทผลิตเครื่องไม้เครื่องมือกีฬามีชื่อที่รับหน้าที่ผลิตชุดแข่งขันให้กับกลุ่มชาติประเทศญี่ปุ่นในโอลิมปิก 2020 เปิดเผยว่าพวกเขาตั้งเป้าหมายจะเก็บรวบรวมเสื้อผ้าให้ได้อย่างต่ำ 30,000 ตัว มารีไซเคิลเป็นชุดของนักกีฬาในพิธีการเปิดและก็สำหรับในการชิงชัย

หนึ่งในนั้นเป็นเจแปน แท็กซี จากโตโยต้า (JPN TAXI) ซึ่งเป็นแท็กซี่ขนาดใหญ่ ที่ดีไซน์มารองรับผู้โดยสารทุกคน โดยมีลักษณะหลังคาทรงสูง ประตูสไลด์แบบสไลด์ พร้อมทางลาดสำหรับผู้ใช้รถเข็น

แล้วก็ที่สำคัญเจแปนแท็กซี ยังเป็นรถยนต์ใชัพลังงานน้อยลง ด้วยเครื่องจักรกลแบบไฮบริดที่รองรับอีกทั้งก๊าส LPG รวมทั้งกระแสไฟฟ้า โดยแก๊ส 1 ลิตร สามารถวิ่งได้ไกล 19.4 กม. ซึ่งไกลกว่าแท็กซีธรรมดาถึงสองเท่า

“พวกเราต้องการจะสร้างบางสิ่งที่จะทำให้คนส่วนมากพึงพอใจให้เยอะที่สุดเท่าที่เป็นได้” ฮิโรชิ คายุคาวะ หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมผู้ดูแลการพัฒนา เจแปน แท็กส่วนล่าวกับ Reuters

รถแท็กซี่แบบใหม่จะเข้ามาแทนที่เป็นปริมาณหนึ่งในสามของแท็กซี่เดิม ที่คาดว่าจะมีมากถึง 30,000 คันก่อนจะมีการแข่ง โดยมีค่าขึ้นรถเริ่มกิโลแรก 410 เยน (ราว 119 บาท) พอๆกับแท็กซี่ทั่วๆไป

“พวกเรารู้สึกว่าโอลิมปิก จะเป็นจังหวะที่ดีสำหรับเพื่อการเพิ่มเสน่ห์ของรถยนต์ พวกเราก็เลยต้องการนำมันไปใช้จริงให้เร็วที่สุด” คายุคาวะกล่าวเสริม

และก็ปัจจุบันเมื่อมิ.ย. 2019 ก่อนหน้านี้ โตโยต้า ยังได้เปิดตัวรถยนต์ชัตเทิลบัสที่เป็นมิตรกับสภาพแวดล้อม ด้วยระบบกระแสไฟฟ้าเต็มแบบอย่าง ที่ชื่อว่า APM (Accessible People Mover) ที่วางแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับขนส่งผู้คนระหว่างสนาม ในตอนการประลองโอลิมปิก

แชร์เรื่องนี้
Tags : , , , , , , , , , , ,
แสดงความคิดเห็น