ไนเจอร์ มอร์แกน : เบสบอลพันธุ์ดุที่กลายเป็น “ทาสแมว”

09/08/2019 ts911hklen 439 views

ไนเจอร์ มอร์แกน เป็นหนุ่มน้อยที่เกิดและก็เติบโตในเมืองซานฟรานซิสโก เขาเป็นเด็กที่เก่งกีฬา เคยเล่นฮอกกี้น้ำแข็งและก็เบสบอลตั้งแต่ยุคเยาวชน แต่แม้ว่าจะเอาดีได้ทั้งคู่ทาง และก็เอาจริงเอาจังกับฮอกกี้น้ำแข็งก่อน ที่สุดแล้วเจ้าตัวก็เลือกที่จะเล่นเบสบอลอย่างเอาจริงเอาจัง

ไนพบร์ มอร์แกน

มอร์แกน ในตำแหน่งผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ ได้พบกับทางที่ถูก เนื่องจากว่าในปี 2002 เขาถูกดราฟต์ไปสู่ลีกเบสบอลอาชีพที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง เมเจอร์ลีก เบสบอล (MLB) จากกลุ่ม พิตส์เบิร์ก ไพเรตส์ ในรอบที่ 33 ของปี 2002 แต่ว่ากว่าที่กำลังจะได้เปิดฉากสนามใน MLB ก็จำเป็นต้องรอคอยถึงปี 2007 เขาเล่นกับ ไพเรตส์ ได้ 2 ปีกลายจะย้ายไปอยู่กับกลุ่ม วอชิงตัน เนชันแนลส์ ในปี 2009 ซึ่งช่วงนั้นหากแม้ผลงานในสนามจะดียิ่งขึ้นแต่ว่าปัญหาด้านความประพฤติของ ไนเจอร์ มอร์แกน ทำให้เหล่าผู้ฝึกสอนในกลุ่มจำเป็นต้องปวดศีรษะ เขามีปัญหาเกี่ยวกับหัวข้อการข่มอารมณ์ และก็เมื่อใจร้อนเมื่อไรเขาชอบไม่มีสติ

มีหลายทีที่ มอร์แกน จะต้องพลาดโอกาสสำหรับเพื่อการลงเล่นเพราะว่าถูกแบนจากการกระทำความร้ายแรง ในปี 2010 เขาถูกวินิจฉัยให้แบนถึง 7 เกมภายหลังจากปาลูกเบสบอลใส่ผู้ที่เข้ามาดูเกมในสนาม จากนั้นอีกไม่นานก็ถูกแบนอีก 8 เกมเนื่องจากมีเรื่องมีราวทะเลาะกับนักกีฬากลุ่มคู่ปรับในม้านั่งสำรอง นอกเหนือจากนั้นยังถูกลีกสั่งปรับอีก 15,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ด้วยเรื่องราวเล่นผิดกติกาใส่คู่ต่อสู้ที่มีอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เขาถูกตั้งชื่อว่ายอดเยี่ยมในผู้เล่นที่ตุกติกและก็มีลูกเปรอะเปื้อนสูงที่สุด

ในเวลาที่ วอชิงตัน มอร์แกน นับว่าเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาที่สร้างความคับแค้นใจให้กับทุกฝ่ายในชมรม ทั้งยังผู้บริหาร, ผู้ฝึกสอน รวมทั้ง แฟนคลับอย่างแท้จริง เขาไม่ค่อยรับระบบกับคนใด และไม่ค่อยพึงพอใจการตักเตือนจนกระทั่งก่อปัญหาร้ายแรงเป็นประจำ ท้ายที่สุดกลุ่มก็ทนเลี้ยงเขาไม่ไหวก็เลยจะต้องจับ มอร์แกน เทรดไปอยู่กับ ไม่ลวอกี้ บรูเวอร์ส

เขาไม่มีวันเลือกเมื่อทั้งยัง 2 กลุ่มตกลงกันแล้วเขาก็จำเป็นต้องย้ายตามคำสั่ง แม้ว่าจะไม่พอใจนักกับการจะต้องย้ายบ้านย้ายถิ่นที่อยู่ฐาน ด้วยเหตุว่าจาก วอชิงตัน ดีซี ถิ่นเก่าไปยังเมือง วิสคอนซิน ถิ่นใหม่นั้นมีระยะห่างกันราว 800 ไมล์ หรือ 1,300 กม. นั่งเรือบินบางครั้งอาจจะเพียงแค่ราว 2 ชั่วโมง แม้กระนั้นถ้าเกิดขับขี่รถไปเขาจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาราว12-14 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย

แม้กระนั้นเขาไม่ทราบเลยว่าการเดินทางไกลคราวนี้จะมีผลให้เขาเจอกับมิตรแท้ที่จะแปลงเขาไปตลอดไป

ตามข้อมูลบอกว่าค่าแรงของ มอร์แกน นั้นอยู่ที่ประมาณ2 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ต่อปี ด้วยเงินขนาดนั้นทำให้เขาสามารถหาบ้านข้างหลังใหญ่อยู่ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ว่าเมื่อได้เข้ามาอาศัยจริงๆกลายเป็นว่าบ้านข้างหลังใหญ่ไม่อาจจะทำให้เขาลดความเปล่าเปลี่ยวลงได้เลย

จริงๆมอร์แกน นั้นแต่งงานอยู่แล้ว เขามีลูกสาว 1 คนชื่อ นีอาห์ แต่ทว่าตอนนั้นเขาเป็นคุณบิดาวัยชายหนุ่มและไม่ได้มั่งคั่งราวกับเวลาที่เป็นผู้เล่นเบสบอลในช่วงเวลานี้ เขาก็เลยต้องแยกจากครอบครัวแล้วก็บุตรสาวเพื่อล่าฝันสำหรับในการเป็นนักกีฬาเบสบอล กระทั่งความสัมพันธ์บิดาลูกไม่แข็งแรงนัก รวมทั้งแปลงเป็นว่าในวันที่เขาพร้อมที่สุดอย่างเดี๋ยวนี้ ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างก็ไม่สามารถที่จะกลับไปปรับแก้อะไรได้

มอร์แกน เดินท่องเที่ยวไปรอบเมืองและก็สะดุดตากับบางสิ่งบางอย่างเข้า มันเป็นสถานสงเคราะห์สัตว์ไม่มีบ้านที่เมือง วิสคอนซิน ช่วงแรกเขาคิดจะเดินผ่าน แต่ว่าในที่สุดก็ราวกับจะมีอะไรสะกดให้เขาเดินเข้าไปในศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ที่นั้น

"ผมต้องการจะได้ใครซักคนมาอยู่ด้วย ใครกันแน่คนนั้นควรเป็นผู้ที่ถูกใจจะอยู่ติดบ้าน ผมก็เลยคิดขึ้นมาได้ แล้วเพราะอะไรผมไม่เลี้ยงลูกแมวสักตัวล่ะ" เขาเล่าถึงจุดเริ่มของการเข้าไปตรงนั้น

ช่วงแรก มอร์แกน ยังลังเลว่าเขาจะเลี้ยงสุนัขหรือเลี้ยงแมวดี แต่ว่าเพียงพอมานั่งขบคิดดูแล้วว่างานการหน้าที่ของเขานั้นเป็นอะไรที่วุ่นวาย จำเป็นต้องไปโน่นมานี่อยู่เรื่อยๆ ด้วยเหตุนั้นการเลี้ยงสุนัขที่ปรารถนาพื้นที่แล้วก็เวลามากอาจจะไม่ตอบปัญหาเท่าไรนัก เขาก็เลยเล็งไปที่การเลี้ยงแมวด้วยเหตุว่ารู้เรื่องว่าแมวนั้นดูแลไม่ยากกว่า สามารถปลดปล่อยให้อยู่บ้านได้เองเป็นวันๆ

ข้างหลังก้าวพ้นประตูศูนย์อนุเคราะห์สัตว์ มันเป็นเรื่องของความถูกชะตา ด้วยเหตุว่า มอร์แกน มองเห็นแมวเพศผู้ตัวหนึ่งซึ่งมีสีดำ ด้วยเสน่ห์อะไรบางอย่างที่ชี้แจงมิได้ ชายผู้นิยามตัวเองว่าเป็น "แมวบ้า" ยื่นมือเข้าไปในกรงนั้น ก่อนเจ้าแมวดำจะเลียที่มือของเขา

ไนพบร์ มอร์แกน

"เพียงแค่แว่บแรกที่ผมมองเห็นแมวดำตัวนี้ ผมรู้เท่าทันคราวว่ามันถูกโฉลก เขา (เรียกแมว) หันมามองหน้าผมด้วย พวกเราผสานสายตากันครู่หนึ่งจ้องกันในเลวทรามอึดใจ
ต่อจากนั้นผมรู้สึกใจสั่นหวิวๆราวกับจะละลาย คุณก็ทราบใช่มั้ยล่ะ? ในช่วงเวลานั้นผมมันพวกคนป่าเลย แม้กระนั้นจู่ๆแมวโน่นก็มาลักขโมยหัวใจผมไปซะงั้น จากนั้นผมก็อุ้มแมวตัวนั้นกลับไปอยู่บ้าน"

ไม่ว่าจะกับคนหรือสัตว์ เมื่อหลงเสน่ห์แล้วไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้ ซึ่ง มอร์แกน เองก็ด้วยเหมือนกัน เขาเริ่มเหมาผลิตภัณฑ์ ออปชั่นต่างๆอีกทั้งปลอกใส่คอ กระบะทราย กัญชาแมว หรือใดๆก็ตามเพื่อมาเปย์ให้กับ "สลิก วิลลี่" อย่างมาก ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นห่วงเลยว่า มอร์แกน จะไม่พูดจาเสียงสองเสียงสามกับสหายใหม่ของเขา

"วิลลี่ เป็นเพื่อนที่เยี่ยมที่สุดของผมเลย ความสำราญของผมกำเนิดได้ง่ายมากยิ่งขึ้นมากมาย พวกเราเพียงแค่ออกไปเดินเที่ยวภายนอกร่วมกัน โยนบอลให้เขาวิ่งตามมันไปๆมาๆเท่านั้นเอง จำต้องกล่าวว่า วิลลี่ น่ะเป็นเพื่อนที่เด็ดมาก" มอร์แกน เล่าถึงชีวิตใหม่ข้างหลังมีแมวเข้ามาเกี่ยวเนื่อง

ความสนิทสนมมากขึ้นในทุกเมื่อเชื่อวัน มอร์แกน กับ วิลลี่ เปลี่ยนเป็นคู่คิด เขาอุตสาหะจะไม่เถลไถลไปไหนข้างหลังฝึกเสร็จ เพราะว่าเขาจำต้องรีบกลับไปอยู่บ้านด้วย ทางเข้า ts911 เป็นห่วงรวมทั้งต้องการมาหา วิลลี่ นานมากยุคสมัยผ่านไป ไนพบร์ มอร์แกน ก็เปลี่ยนเป็นอีกคนโดยที่ตนเองก็ยังไม่รู้ตัว

"ผมเองก็ไม่เคยรู้หรอกนะว่าอะไรมันยั่วยวนใจให้ผมต้องการเลี้ยงแมว แม้กระนั้นสิ่งที่ผมทราบแน่ในตอนนี้เป็นเมื่อรับพวกเขามาเลี้ยงแล้ว พวกเขาจะมอบความรู้สึกต่างๆกลับมาให้ท่าน"

"เมื่อก่อนเชื่อไหมผมเรียกตัวเองว่าไอ้กอริลล่าจอมชั่วร้าย แต่ว่าเพียงพอมาเป็นเพื่อนกับ วิลลี่ แล้วเนี่ยผมแบ๊วขึ้นมาพอเหมาะพอควรเลยเลยล่ะ" มอร์แกน ให้สัมภาษณ์ถึงสิ่งที่แปรไปก่อนยกมือทำท่าจุ๊ๆ"อย่าดังไปล่ะ ประเด็นนี้ใครอีกหลายๆคนไม่ค่อยทราบหรอก"

จากจอมชั่วร้าย มอร์แกน แปลงร่างเป็นพ่อบ้านแมวหนึ่งไปเป็นที่เป็นระเบียบ ภายหลังที่เล่นเบสบอลให้กับ ไม่ลวอกี้ จนกระทั่งปี 2012 มอร์แกน ก็เปลี่ยนภาวะเป็นนักกีฬาร่อนเร่พเนจร ไปเล่นในหลายประเทศอีกทั้งในประเทศญี่ปุ่นกับกลุ่ม โยโกฮามา เบย์สตาร์ส ในปี 2013, กลับไปอยู่ที่บ้านเกิดขึ้นมาเล่นกับ คลีฟแลนด์ อินเดียนส์ ปี 2014, ฮันฮวา อีเกิ้ลส์ ในประเทศเกาหลีใต้ปี 2015 แม้กระทั้งประเทศเม็กซิโกก็ยังเคยไปเล่น กับกลุ่ม เปริโก เด พัวบลา รวมทั้ง อเซเรคอยส เด มอนวัวลวา ในปี 2016-17

แม้กระนั้นไม่ว่าจะเดินทางผ่านน้ำผ่านสมุทรไปไกลแค่ไหน เขาจะพา "สลิก วิลลี่" เพื่อนสนิทของเขาไปด้วยเสมอ แล้วก็เขาเองก็มิได้คิดว่าไกลบ้านเลยสักหนึ่งครั้งเมื่อมี วิลลี่ อยู่ด้านข้าง

มอร์แกน เลิกเล่นเบสบอลอาชีพช่วงปลายปี 2017 ซึ่งธรรมดาแล้วปัญหาของนักกีฬาขาลงนั้นเป็นสภาวะความตึงเครียดแล้วก็ไม่ค่อยสบายใจจากรายได้ที่ลดลงแม้กระนั้นค่าใช้จ่ายเหมือนเดิม แต่สำหรับ มอร์แกน นั้นนับว่าสบายมากมาย การกลับตัวกลับเนื้อกลับตัวจากคนสายรุนแรงมาเป็นขี้ข้าแมว ทำให้เขาได้อะไรมากยิ่งกว่าการใช้ชีวิตไปวันๆแบบไม่มีจุดหมาย ฉะนั้นการเกษียณอายุถือได้ว่าตอนที่เขาคอยเลยก็ว่าได้

มอร์แกน มั่นใจว่าการที่ได้ชีวิตในรูปแบบใหม่จากการรับ "สลิก วิลลี่" มาเลี้ยงนั้นเป็นความสำราญที่เขาต้องการจะแบ่งปันให้กับทุกคนบนโลกนี้ เขาต้องการให้ผู้ใดก็ช่างที่รู้สึกเหงาหงอยเปล่าเปลี่ยวรวมทั้งท้อแท้ทดลองให้โอกาสรับใครบางคนเข้ามาในชีวิต รวมทั้งสัตว์เป็นโอกาสที่ดีเลิศจากประสบการณ์ตรงของเขา

"ไม่ว่าจะใครก็ช่าง ผมต้องการให้พวกท่านมองหาสุนัขหรือแมวสักตัวเข้ามาในชีวิต ก้าวออกมาจากบ้านคุณแล้วไปศูนย์ช่วยเหลือสัตว์เพื่อมองหาเพื่อนสนิทที่เหมาะสมที่สุดเท่าที่คุณจะหาได้กันเลยดีกว่า" เขาเล่าถึงมุมมองข้างหลังมิได้มีอาชีพเป็นนักกีฬาเบสบอลแล้ว

"เหตุผลที่มันจะเกิดเรื่องที่ดีเยี่ยมๆสำหรับในการช่วยเหลือสัตว์เป็นบ้านของคุณจะมีแต่ว่าความรัก และก็การได้ช่วยใครบางคนเป็นเป้าหมายสำคัญของชีวิตที่สวยสดงดงามของผู้คน" ไนพบร์ มอร์แกน กล่าวตบท้าย

แชร์เรื่องนี้
Tags : , , , , , , , , , ,
แสดงความคิดเห็น